ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยเป็นสามีภรรยากันโดยชอบด้วยกฎหมายมีบุตรด้วยกันหนึ่งคน ชื่อเด็กชายขจรเดช ต่อมาโจทก์จำเลยได้จดทะเบียนหย่ากัน และตกลงให้โจทก์เลี้ยงดูบุตรจำเลยจะให้ค่าอุปการะเลี้ยงดูและการศึกษาของบุตรเดือนละ 300 บาท จนกว่าบุตรจะบรรลุนิติภาวะ จำเลยส่งเงินให้โจทก์สามเดือนแรกแล้วเงียบเฉยจำเลยมีหน้าที่ให้การศึกษาตามสมควรแก่บุตร ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1536 โจทก์ติดใจเรียกร้องค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรหนึ่งปีก่อนฟ้องเพียงเดือนละ 200 บาทขอให้บังคับให้จำเลยใช้เงิน 2,400 บาท และใช้ค่าอุปการะเลี้ยงดู ค่าการศึกษาเดือนละ 300 บาท จนกว่าเด็กชายขจรเดชจะบรรลุนิติภาวะ

จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยตกลงจะให้ค่าเลี้ยงดูเด็กชายขจรเดชเดือนละ 300 บาท โจทก์ฟ้องจำเลยเรียกค่าเลี้ยงดูเด็กชายขจรเดชที่ศาลจังหวัดศรีสะเกษ ศาลจังหวัดศรีสะเกษและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ คดีถึงที่สุดโจทก์ฟ้องคดีนี้อีกเป็นฟ้องซ้ำโจทก์ในฐานะส่วนตัว ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าเป็นฟ้องซ้ำ และโจทก์ในฐานะส่วนตัวไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีแพ่งของศาลจังหวัดศรีสะเกษหมายเลขแดงที่ 115/2510 โจทก์ฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูเด็กชายขจรเดช อ้างว่ามีข้อตกลงตามบันทึกหลังทะเบียนหย่า เมื่อศาลจังหวัดศรีสะเกษวินิจฉัยว่าข้อตกลงนั้นเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ แต่จำเลยซึ่งเป็นฝ่ายจะต้องรับผิดใช้เงินค่าอุปการะเลี้ยงดูไม่ได้ลงลายมือชื่อไว้ แล้วพิพากษาว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จึงมาฟ้องเรื่องนี้อ้างว่าจำเลยมีหน้าที่จะต้องเลี้ยงดูเด็กชายขจรเดช ร่วมกับโจทก์ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1536 เช่นนี้ เห็นว่าข้ออ้างที่โจทก์อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาในการเรียกร้องให้จำเลยใช้เงินค่าอุปการะเลี้ยงดูเด็กชายขจรเดชในคดีเรื่องก่อนกับในคดีเรื่องนี้ต่างกัน และประเด็นที่ศาลจังหวัดศรีสะเกษได้วินิจฉัยในคดีเรื่องก่อนเป็นเรื่องความรับผิดของจำเลยตามข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลย แต่ประเด็นซึ่งจะต้องวินิจฉัยในคดีเรื่องนี้เป็นเรื่องหน้าที่ของบิดามารดาต้องอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาตามสมควรแก่เด็กชายขจรเดช เมื่อประเด็นที่ศาลจะต้องวินิจฉัยมิได้อาศัยเหตุอย่างเดียวกัน โจทก์ฟ้องในคดีเรื่องนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ

แต่ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ฟ้องคดีนี้ในฐานะส่วนตัว และไม่ปรากฏในทางพิจารณาว่าได้มีการเปลี่ยนตัวผู้ปกครองเด็กชายขจรเดชจากจำเลยมาเป็นโจทก์โดยถูกต้องตามกฎหมาย อำนาจปกครองยังอยู่ที่จำเลยโจทก์ย่อมไม่มีสิทธิเรียกค่าเลี้ยงดูบุตรจากจำเลยจนกว่าจะได้ร้องต่อศาลขอให้ถอนจำเลยจากการเป็นผู้ปกครองเสียก่อน โดยขอตั้งโจทก์เป็นผู้ปกครอง แล้วจึงใช้สิทธิเรียกค่าเลี้ยงดูเด็กชายขจรเดชจากจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1536 ได้ (อ้างฎีกาที่ 669/2506)

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th