ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรมและจำเลยได้หักเงินค่าเช่าบ้านและค่าไฟฟ้าจากค่าจ้างของโจทก์เป็นการฝ่าฝืนกฎฆมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าเสียหาย ค่าชดเชย ค่าเช่าบ้านและค่าไฟฟ้า ฯลฯ
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้เลิกจ้าง โจทก์ลาออกจากงานเองจำเลยปลูกบ้านให้ลูกจางเช่าอยู่อาศัยใกล้ที่ทำงาน คิดค่าเช่าเดือนละ 300 บาทค่าน้ำค่าไฟฟ้าตามที่ได้ใช้จริง โจทก์เช่าบ้านของจำเลย จำเลยไม่ได้หักค่าเช่าและค่าไฟฟ้าจากเงินค่าจ้างของโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินจำนวนนี้คืนขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ฯ ข้อ 30 ห้ามมิให้นายจ้างนำ 'หนี้อื่น'มาหักจากเงินค่าจ้างที่จะต้องจ่ายให้แก่ลูกจ้าง ซึ่งคำว่า 'หนี้อื่น' นี้ ศาลฎีกาได้เคยวินิจฉัยไว้เป็นบรรทัดฐานแล้วว่า หมายถึงหนี้อื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับการปฏิบัติงานตามสัญญาจ้าง ทั้งนี้ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 3546 - 3547/2524ระหว่างนายเอกชัย บุญชู โจทก์ การรถไฟแห่งประเทศไทย จำเลย กรณีของโจทก์นี้ปรากฏว่าการที่โจทก์ได้มีสิทธิเข้าพักอาศัยอยู่ในบ้านของจำเลยนั้น ก็เพราะโจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลยแม้การเข้าอยู่อาศัยโจทก์จะได้เสียเงินค่าเช่าให้แก่จำเลยในอัตราเดือนละ 300 บาท และเสียค่าไฟฟ้าด้วยก็ตามก็นับว่าเป็นจำนวนเงินที่น้อยมาก ซึ่งบุคคลอื่นที่มิใช่ลูกจ้างของจำเลยย่อมไม่อาจใช้สิทธิดังเช่นโจทก์ได้การที่โจทก์มีสิทธิดังกล่าวจึงเป็นผลโดยตรงมาจากความผูกพันในฐานะลูกจ้างและนายจ้างระหว่างโจทก์กับจำเลยนั่นเองหนี้ดังกล่าวจึงถือได้ว่าเป็นหนี้อันเกี่ยวกับการปฏิบัติงานตามสัญญาจ้าง หาใช่หนี้อื่นตามความหมายของประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 30 แต่อย่างใดไม่ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินดังกล่าวนี้คืนจากจำเลยได้
พิพากษายืน.
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา








