ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ (จำเลย) เด็ดขาดเมื่อวันที่30 กรกฎาคม 2523 ธนาคารมหานคร จำกัด เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี 2 รายการ และหนี้ตามสัญญากู้เงินอีก 1 รายการ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น6,852,725.82 บาท

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ให้บรรดาเจ้าหนี้ตรวจคำขอรับชำระหนี้แล้ว เจ้าหนี้รายที่ 4 โต้แย้งว่า เป็นหนี้ที่เกิดขึ้นโดยสมยอมกัน และเจ้าหนี้ทราบถึงฐานะหนี้สินล้นพ้นตัวของลูกหนี้ ส่วนลูกหนี้หลบหนี

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วเสนอความเห็นต่อศาลชั้นต้นว่าเห็นควรให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีเป็นจำนวนเงิน 5,017,627.42 บาทส่วนหนี้ตามสัญญากู้น่าเชื่อว่าเจ้าหนี้รู้ถึงความเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวของลูกหนี้ในขณะที่ยินยอมให้ลูกหนี้ก่อหนี้ จึงเห็นควรให้ยก

ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์

เจ้าหนี้อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

เจ้าหนี้ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีเป็นข้อตกลงของคู่สัญญาที่จะให้มีสัญญาบัญชีเดินสะพัด เมื่อมีการปฏิบัติตามสัญญาบัญชีเดินสะพัดกันแล้ว การเรียกร้องให้ชำระหนี้ย่อมจะต้องปฏิบัติตามวิธีการของสัญญาบัญชีเดินสะพัด คือให้กระทำได้เมื่อมีการหักทอนบัญชีและเรียกร้องให้ชำระเงินคงเหลือแล้ว ดังนั้นเมื่อครบกำหนดระยะเวลาที่ระบุไว้ยังไม่มีฝ่ายใดบอกเลิกสัญญา คู่สัญญายังให้บัญชีเดินสะพัดเดินอยู่ต่อไป ก็ต้องถือว่าคู่สัญญายังไม่ถือว่ามีการผิดนัด สำหรับกรณีคดีนี้ เจ้าหนี้(ธนาคาร) ยังไม่เคยบอกเลิกสัญญาหรือมีหนังสือทวงถามให้ลูกหนี้ชำระหนี้เมื่อสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีครบกำหนดอายุสัญญา หลังจากนั้นไม่มีการต่ออายุสัญญากันอีก และไม่มีฝ่ายใดบอกเลิกสัญญา ต่อมาลูกหนี้ได้นำเงินเข้าบัญชีเพื่อหักหนี้ เช่นนี้ย่อมเป็นการแสดงเจตนาว่าลูกหนี้ประสงค์ที่จะเดินบัญชีเดินสะพัดกับเจ้าหนี้ต่อไปอีกแต่เนื่องจากลูกหนี้ถูกโจทก์ฟ้องล้มละลายเสียก่อนเจ้าหนี้จึงมีความจำเป็นต้องมายื่นคำขอรับชำระหนี้ ถือได้ว่านับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาด สัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีเป็นอันต้องยกเลิกกันโดยปริยายเจ้าหนี้จึงมีสิทธิที่จะคิดดอกเบี้ยทบต้นเอากับลูกหนี้ได้จนถึงวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเท่านั้น

การที่ลูกหนี้เป็นหนี้เจ้าหนี้อยู่เป็นจำนวนมากและไม่ได้ติดต่อกับธนาคารเจ้าหนี้ทางบัญชีมาประมาณ 2 ปี ทั้งไม่เคยชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้จนกระทั่งวันที่มาทำสัญญากู้ซึ่งลักษณะการติดต่อทางบัญชีเช่นนี้ ผู้ประกอบธุรกิจเยี่ยงธนาคารย่อมรู้อยู่แก่ใจดีว่าลูกหนี้ขณะนั้นมีสภาพเช่นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวไม่อาจชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ได้เป็นเวลาถึง2 ปี ฉะนั้น เมื่อลูกหนี้มาขอกู้เงินจากธนาคารเพิ่มอีก จึงไม่เป็นการสมควรที่จะให้ลูกหนี้กู้ยืมเงินไปอีก แม้ลูกหนี้จะนำเงินมาชำระให้เท่าจำนวนที่ขอกู้ยืมก็ตาม พฤติการณ์ดังกล่าวมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า ธนาคารเจ้าหนี้รู้ถึงความเป็นหนี้สินล้นพ้นตัวของลูกหนี้ในขณะที่ยินยอมให้ลูกหนี้ก่อหนี้ตามสัญญากู้รายนี้ขึ้น ธนาคารเจ้าหนี้จะปฏิเสธว่าไม่รู้หาได้ไม่หนี้ส่วนนี้จึงต้องห้ามมิให้นำมาขอรับชำระหนี้ตาม มาตรา 94(2) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เจ้าหนี้มีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีได้จนถึงวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th