ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทำผิด ๓ กะทงคือฐานละเลยไม่กระทำตามคำสั่งตามประมวลกฎหมายอาญาทหาร ม.๓๐ (๓) จำคุก ๑ ปี ฐานเป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ตามกฎหมายอาญา ม.๑๓๑ จำคุก ๑ ปี ๖ เดือนและฐานละเลยไม่กระทำตามข้อบังคับตามประมวลกฎหมายอาญาทหาร ม.๓๒ (๓) จำคุก ๑ ปี
ศาลทหารกลางพิพากษาแก้ให้จำคุกจำเลย ๒ กะทง ตามประมวลกฎหมายอาญาทหาร ม.๓๐ (๓) และตามกฎหมายอาญา ม.๑๓๑ รวมโทษ ๒ ปี ๖ เดือน
โจทก์จำเลยต่างฎีกา
ศาลฎีกาตัดสินว่าฎีกาของจำเลยที่ว่าคำสั่งที่กฎหมายบัญญัติลงโทษผู้ละเลยขัดขืนควรจะใช้ฉะเพาะทหาร แต่จำเลยเป็นพลเรือนทั้งไม่เป็นการเสียหายแก่ราชการอย่างใดนั้น เห็นว่าผู้ที่สังกัดในกระทรวงกลาโหมมีหน้าที่เกี่ยวแก่การเงินหรือการก่อสร้างย่อมอยู่ในบังคับกฎหมายนี้ด้วย และย่อมเป็นอยู่ในตัวเอง+ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งย่อมเกิดให้การงานล่าช้าเสียหายแก่ราชการ ในปัญหาที่ว่าศาลล่างละทิ้งคำพะยานหลักฐานหรือฟังผิดจากหลักฐานในท้องสำนวนนั้น การที่ศาลบรรยายว่าเชื่อดังนั้นดังนี้เป็นดุลยพินิจซึ่งข้อเท็จจริงของศาล ๆ ไม่จำต้องยกขึ้นกล่าวทุกคำพะยาน คำพะยานปากใดที่ไม่ได้ยกขึ้นกล่าวไม่ได้หมายว่าศาลมิได้พิจารณาถึง เมื่อศาลไม่เห็นสมควรกล่าวก็ไม่กล่าวถึงได้ ซึ่งเป็นข้อดุลยพินิจของศาลไม่สมควรนำมากล่าวอีกส่วนฎีกาของโจทก์เห็นว่าเมื่อจำเลยได้รับเงินมาในตำแหน่างหน้าที่แล้วไม่นำไปฝากเก็บไว้ณที่เก็บเงินหลวงของราชการแต่เก็บไว้เสียเอง โดยปรากฎว่ากรมที่จำเลยทำงานไม่มีที่เก็บเงินหลวงเคยฝากเก็บที่กรมอื่นดังนี้ จำเลยจะแก้ตัวว่าสุดสามารถที่จำเลยจะปฏิบัติตามข้อบังคับการเงินนั้นมิได้ ส่วนข้อที่ว่าเจ้ากรมยุทธโยธาทหารบกจะเห็นชอบด้วยหรือไม่ไม่สำคัญจึงพิพากษาให้ยกฎีกาจำเลย ส่วนฎีกาโจทก์ฟังขึ้นให้แก้ศาลทหารกลางบังคับคดีตามศาลชั้นต้นทุกประการ
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา







