โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจาก ตึกแถวของโจทก์และเรียกค่าเสียหาย

จำเลยให้การรับว่า ได้เช่าห้องพิพาทของโจทก์จริง แต่ไม่ได้ทำการค้าและต่อสู้ว่า สัญญาเช่าเป็นโมฆะ และปฏิเสธเรื่องค่าเสียหาย

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวาร และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเดือนละ 2,000 บาท

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเดือนละ 160 บาท

โจทก์ จำเลย ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยนำสืบก่อน จำเลยทราบวันนัดแล้วก่อนวันนัด จำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนศาลสั่งให้มาพูดกันวันนัด ครั้นถึงวันนัดสืบพยานจำเลย ตัวจำเลยและทนายความไม่มาศาล ๆสั่งยกคำร้องของจำเลยและถือว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา ให้สืบพยานโจทก์ต่อไป ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นคำสั่งที่ถูกต้องชอบด้วยกฎหมายแล้ว

ที่ศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา ให้สืบพยานโจทก์ต่อไปนั้น เป็นที่เข้าใจว่า ศาลได้สั่งตัดหรืองดสืบพยานของจำเลย

ประเด็นแห่งคดีมี 2 ตอน จำเลยยังจะสืบแก้ภายหลัง เมื่อโจทก์สืบแล้วได้อีกนั้น เห็นว่า เมื่อศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยขาดนัดและสืบพยานโจทก์ฝ่ายเดียวจนโจทก์แถลงไม่ติดใจสืบพยานต่อไปจำเลยมิได้แถลงขอสืบพยานตอน 2 อีกเลยทั้งที่มีเวลา จำเลยจะมาคัดค้านเมื่อศาลพิพากษาคดีแล้ว หาชอบไม่

นายวิชัยผู้รับมอบฉันทะจากทนายจำเลยให้มาฟังคำสั่งศาลและกำหนดวันนัด ได้นำใบมอบฉันทะมายื่นต่อศาลภายหลังศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดแล้ว เช่นนี้จะถือว่านายวิชัยเป็นตัวแทนตัวความหรือทนายจำเลยในการดำเนินคดีไม่ได้ เพราะไม่มีอำนาจที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ แทนตัวความ ถือไม่ได้ว่าตัวความหรือทนายตัวความมาศาล

เมื่อจำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ ศาลมิได้เรียกจำเลยเข้าห้องพิจารณาเพื่อไต่สวนคำร้องนี้ แต่ศาลกลับใช้วิธีสอบถามจำเลยเอา เป็นการไม่ชอบนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า การสอบถามก็เป็นการไต่สวนอย่างหนึ่งเหมือนกัน

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา