สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1289/2540

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1289/2540

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 55, 263 (เดิม)

การที่จำเลยซึ่งถูกบังคับโดยวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาจะยื่นคำร้องขอให้โจทก์ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 263 (เดิม) มิใช่เป็นเรื่องโต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคลตามกฎหมายแพ่งแต่เป็นเรื่องในคดีเดิมที่ศาลได้มีคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาโดยมีความเห็นหลงไปว่าสิทธิของผู้ขอมีข้อมูลหรือวิธีการนั้นมีเหตุผลเพียงพอ ทั้งนี้โดยความผิดหรือเลินเล่อของโจทก์ผู้ขอ ดังนั้น จำเลยจึงไม่ต้องทำเป็นคำฟ้องต่างหาก เพียงแต่ยื่นคำขอเข้ามาในคดีเดิมก็ใช้ได้

เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่า ทางพิพาทของจำเลยทั้งสองที่โจทก์และครอบครัวใช้เข้าออกสู่ทางสาธารณะเป็นทางภารจำยอม ให้จำเลยทั้งสองไปจดทะเบียนภารจำยอมและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่สร้างปิดกั้นและรุกล้ำทางภารจำยอม พร้อมกับยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษา ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้จำเลยทั้งสองรื้อรั้วไม้ที่กั้นทาง หลังคาบ้านที่ปลูกสร้างเพิ่มเติมล้ำเข้าไปในทางพิพาท และเล้าไก่ที่สร้างขวางทางพิพาทออกชั่วคราว ต่อมาศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ทางพิพาทเป็นภารจำยอมซึ่งโจทก์ได้มาโดยอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1401 ให้จำเลยทั้งสองไปจดทะเบียนสิทธิภารจำยอมลงในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของจำเลยทั้งสอง โดยให้โจทก์เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียน หากจำเลยไม่ไปจดทะเบียนให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสอง กับให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำในทางพิพาท ศาลอุทธรณ์ภาค 1พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ศาลฎีกาพิพากษายืน

จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องว่า จำเลยทั้งสองได้รับความเสียหายจากการที่โจทก์ขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาคิดเป็นเงินทั้งสิ้น 99,250 บาท ขอให้มีคำสั่งให้โจทก์นำเงินมาวางศาลอีก 95,250 บาท เพื่อชำระเป็นค่าสินไหมทดแทนแก่จำเลยทั้งสองพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน 99,250 บาทนับแต่วันยื่นคำร้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน

จำเลยที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 แต่เพียงว่า จำเลยที่ 2 ซึ่งถูกบังคับโดยวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษา จะยื่นคำร้องขอให้โจทก์ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 263 (เดิม) ในคดีเดิมได้หรือไม่ เห็นว่า กรณีนี้มิใช่เป็นเรื่องโต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคลตามกฎหมายแพ่ง แต่เป็นเรื่องในคดีเดิมที่ศาลได้มีคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาโดยมีความเห็นหลงไปว่าสิทธิของผู้ขอมีมูลหรือวิธีการนั้น มีเหตุผลเพียงพอทั้งนี้โดยความผิดหรือเลินเล่อของผู้ขอ จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องทำเป็นคำฟ้องต่างหาก เพียงแต่ยื่นคำขอเข้ามาในคดีเดิมก็ใช้ได้ฉะนั้นที่จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้โจทก์ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 263 (เดิม) โดยทำเป็นคำร้องเข้ามาในคดีเดิมจึงชอบแล้ว

พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ 2 แล้วพิจารณาสั่งตามรูปคดี

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - นายเสงี่ยม บับภาสังข์ จำเลย - นายกองคำ พันธะบัวศรี กับพวก

ชื่อองค์คณะ ดุสิต เพชรปลูก ดำรุพงศ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ทวีชัย เจริญบัณฑิต

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th