สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1303/2522

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1303/2522

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 132, 420, 826

จำเลยที่ 4 เป็นบุตรของ อ. จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 เป็นบุตรและผู้จัดการมรดกของ อ. โจทก์เป็นบุตรของจำเลยที่ 4 เดิมที่ดินพิพาทเป็นของ อ. ก่อนตาย อ. ได้ลงลายมือชื่อในใบมอบอำนาจเกี่ยวกับการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทไว้ หลังจาก อ. ตายแล้วโจทก์นำใบมอบอำนาจดังกล่าวไปโอนที่พิพาทมาเป็นของตน เจ้าพนักงานที่ดินไม่ทราบว่า อ. ตายแล้ว จึงจัดทำให้ จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 กับบรรดาทายาทของ อ. ทำหนังสือรับรองและรับรู้ว่า เมื่อยังมีชีวิตอยู่ อ. ยกที่ดินพิพาท และทำหนังสือมอบอำนาจให้โจทก์ไปโอนกรรมสิทธิ์ ต่อมาเจ้าพนักงานที่ดินได้ถอนชื่อโจทก์ออกจากโฉนด เพราะรับโอนมาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ลงชื่อจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ในฐานะผู้จัดการมรดกของ อ. เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ และจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 โอนที่พิพาทให้จำเลยที่ 4 เช่นนี้ จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 เป็นผู้จัดการมรดกของ อ. มีหน้าที่แบ่งมรดกของ อ.ให้แก่ทายาทโดยธรรม โจทก์มิใช่ทายาทโดยธรรมของอ.ไม่มีสิทธิรับมรดกที่โจทก์เอาหนังสือมอบอำนาจของ อ. ไปขอโอนกรรมสิทธิ์หลัง อ. ตายแล้ว เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย แม้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และทายาทของ อ. จะได้ทำหนังสือรับรองและรับรู้ดังกล่าวข้างต้น ก็เป็นเพียงมีความหมายว่า ไม่ติดใจยกเอาเรื่องดังกล่าวเป็นข้ออ้าง เพื่อฟ้องร้องเรียกที่ดินนั้นคืนจากโจทก์เท่านั้น การที่โจทก์ถูกเพิกถอนชื่อออกจากโฉนด เป็นเพราะเจ้าพนักงานที่ดินเห็นว่าการโอนกรรมสิทธิ์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 โอนที่ดินให้จำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมของ อ. เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของหมื่นอำพนแพทย์และทายาทโดยธรรมของหมื่นอำพนแพทย์ ได้ทำหนังสือรับรองและรับรู้ว่าเมื่อหมื่นอำพนแพทย์ยังมีชีวิตอยู่ได้ยกกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ 2748 ให้โจทก์ แม้ว่าโจทก์จะนำหนังสือมอบอำนาจไปโอนที่ดินแปลงนี้หลังจากหมื่นอำพลแพทย์ถึงแก่กรรมแล้ว ก็ไม่ติดใจเรียกร้องเอาที่ดินแปลงนี้ ต่อมานางถนอมฟ้องโจทก์และจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ขอแบ่งมรดก ในที่สุดได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยโจทก์ยอมแบ่งที่ดินแปลงนี้ให้นางถนอมกับพวกรวม 3 คน ๆ ละ 1 ใน 12 ส่วน เจ้าหน้าที่ได้ถอนชื่อโจทก์ออกจากโฉนดแล้วลงชื่อจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ในในฐานะผู้จัดการมรดกของหมื่นอำพลแพทย์ไปก่อน เมื่อแบ่งที่ดินให้นางถนอมแล้วจึงจะโอนกรรมสิทธิ์ส่วนที่เหลือให้โจทก์ แต่เมื่อแบ่งที่ดินให้นางถนอมแล้ว จำเลยไม่โอนที่ดินส่วนที่เหลือให้โจทก์ กลับโอนให้จำเลยที่ 4 เป็นการละเมิดทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ใช้เงินแก่โจทก์ 2,486,000 บาท

จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ให้การว่า ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่หมื่นอำพนแพทย์ยกที่ดินโฉนดที่ 2748 ให้จำเลยที่ 4 และทำหนังสือมอบอำนาจให้จำเลยที่ 4 ไว้เพื่อจะได้นำไปโอนที่ดิน แต่หลังจากหมื่นอำพนแพทย์ตายแล้ว โจทก์นำเอาหนังสือมอบอำนาจนั้นไปขอโอนที่ดินเป็นของโจทก์ ต่อมาเจ้าพนักงานที่ดินได้ลบชื่อโจทก์ออกจากโฉนดที่ดิน ที่ดินนั้นจึงเป็นมรดกนอกพินัยกรรมของหมื่นอำพนแพทย์ จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และทายาทอื่นได้ทำหนังสือรับรองยกที่ดินให้จำเลยที่ 4 จึงได้โอนที่ดินให้จำเลยที่ 4 ไปโดยชอบ ที่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และทายาทอื่นทำหนังสือรับรองและรับรู้ว่าหมื่นอำพนแพทย์ยกที่ดินให้โจทก์ดังโจทก์อ้าง เพื่อช่วยเหลือโจทก์ไม่ให้ถูกดำเนินคดีอาญา คดีโจทก์ขาดอายุความและเป็นฟ้องซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 5484/2518 ของศาลชั้นต้น ค่าเสียหายไม่สูงเท่าที่โจทก์เรียก

จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ขอให้ศาลเรียกนางเยี่ยมเข้ามาเป็นจำเลยร่วมศาลอนุญาตและให้เรียกนางเยี่ยมว่าจำเลยที่ 4

จำเลยที่ 4 ให้การว่า ที่ดินโฉนดที่ 2748 เป็นของจำเลยที่ 4 โดยหมื่นอำพนแพทย์ยกให้ตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ จำเลยที่ 4 ครอบครองมาตลอดหนังสือรับรองการยกให้ท้ายฟ้องไม่มีผลบังคับ การที่ผู้จัดการมรดกยกกรรมสิทธิ์ที่ดินให้จำเลยที่ 4 ถูกต้องและชอบด้วยกฎหมาย ค่าเสียหายบางรายสูงเกินไปและบางรายการโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่าการที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ไม่โอนที่ดินโฉนดที่ 2748 ส่วนที่เหลือจากแบ่งให้นางถนอมกับพวกให้แก่โจทก์ กลับไปโอนให้แก่จำเลยที่ 4 เป็นการละเมิดต่อโจทก์นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าที่ดินโฉนดที่ 2748 เป็นมรดกของหมื่นอำพนแพทย์ แม้หมื่นอำพนแพทย์จะทำพินัยกรรมไว้ แต่พินัยกรรมของหมื่นอำพนแพทย์มิได้ระบุถึงที่ดินโฉนดที่ 2748 ว่ายกให้แก่ทายาทคนใด ที่ดินโฉนดที่ 2748 จึงไม่ตกทอดแก่ทายาทตามพินัยกรรมของหมื่นอำพนแพทย์ แต่ตกแก่ทายาทโดยธรรมของหมื่นอำพนแพทย์ จำเลยที่ 1, ที่ 2 และที่ 3 ในฐานะผู้จัดการมรดกของหมื่นอำพนแพทย์มีหน้าที่แบ่งที่ดินโฉนดที่ 2748 ให้แก่ทายาทโดยธรรมของหมื่นอำพนแพทย์ โจทก์เป็นเพียงหลานของหมื่นอำพนแพทย์และจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นมารดาของโจทก์ยังมีชีวิตอยู่ โจทก์จึงมิใช่ทายาทโดยธรรมของหมื่นอำพนแพทย์ และไม่มีสิทธิรับมรดกที่ดินโฉนดที่ 2748 ที่โจทก์เอาหนังสือมอบอำนาจของหมื่นอำพนแพทย์ไปขอโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินหลังจากที่หมื่นอำพนแพทย์ตายแล้ว เป็นการกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายแม้จำเลยที่ 1, ที่ 2, ที่ 3 และบรรดาทายาทของหมื่นอำพนแพทย์จะทำหนังสือรับรอง และรับรู้การให้ว่าเมื่อยังมีชีวิตอยู่หมื่นอำพนแพทย์ยกที่ดินโฉนดที่ 2748 พร้อมทั้งสิ่งปลูกสร้างให้โจทก์ และทำหนังสือมอบอำนาจให้โจทก์ไว้เพื่อนำไปขอโอนที่ดินมาเป็นของโจทก์ ก็เป็นเพียงจำเลยทั้งสามดังกล่าวและบรรดาทายาทของหมื่นอำพนแพทย์ไม่ติดใจยกข้อที่โจทก์นำหนังสือมอบอำนาจของหมื่นอำพนแพทย์ไปขอโอนที่ดินดังกล่าวมาเป็นของโจทก์หลังจากหมื่นอำพนแพทย์ตายแล้วมาเป็นข้ออ้างเพื่อฟ้องร้องเรียกที่ดินนั้นคืนจากโจทก์เท่านั้น ซึ่งจำเลยทั้งสามดังกล่าวและบรรดาทายาทของหมื่นอำพนแพทย์ก็มิได้ทำละเมิดคำมั่นที่ให้ไว้ตามหนังสือรับรองและรับรู้การให้ดังกล่าวแต่อย่างใด การที่โจทก์ถูกเพิกถอนชื่อออกจากโฉนดที่ดินดังกล่าวเป็นเพราะเจ้าพนักงานที่ดินเห็นว่าการโอนที่ดินกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ 2748 ให้โจทก์ตามหนังสือมอบอำนาจของหมื่นอำพนแพทย์ที่โจทก์นำไปขอโอนหลังจากหมื่นอำพนแพทย์ตายแล้ว เป็นการโอนและรับโอนกรรมสิทธิ์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเห็นว่าที่ดินดังกล่าวเป็นมรดกของหมื่นอำพนแพทย์ เจ้าพนักงานที่ดินจึงเพิกถอนชื่อโจทก์ออกจากโฉนดที่ดินดังกล่าวและลงชื่อจำเลยที่ 1, ที่ 2 และที่ 3 ในฐานะผู้จัดการมรดกของหมื่นอำพนแพทย์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แทน ที่ดินโฉนดที่ 2748 จึงกลับเป็นมรดกของหมื่นอำพนแพทย์ตามเดิม ทั้งต่อมาบรรดาทายาทของหมื่นอำพนแพทย์ตกลงกันให้โอนที่ดินโฉนดที่ 2748 ให้แก่จำเลยที่ 4 ตามหนังสือรับรองและรับรู้การให้ฉบับลงวันที่ 15 กรกฎาคม 2517 การที่จำเลยที่ 1 ที่ 2และที่ 3 โอนที่ดินโฉนดที่ 2748 ส่วนที่เหลือจากแบ่งให้นางถนอมกับพวกให้แก่จำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมของหมื่นอำพนแพทย์ตามข้อตกลงของบรรดาทายาทของหมื่นอำพนแพทย์จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่ผู้จัดการมรดกโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์และไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่นของโจทก์

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - นายสมพงษ์ คุ้มรุ่งเรือง จำเลย - นายเทียม โลศิริ กับพวก

ชื่อองค์คณะ มงคล วัลยะเพ็ชร์ สนิท อังศุสิงห์ สันติ์ ธีรนิติ

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE