คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1312/2522
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 374, 375, 1754
ทายาททุกคนทำสัญญาตกลงยกที่ดินมรดกบางส่วนให้แก่โจทก์เพื่อเป็นการชำระหนี้ของผู้ตาย โดยโจทก์มิได้เป็นคู่สัญญาด้วย จึงเป็นการทำสัญญาเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก โจทก์ลงชื่อรับทราบสัญญาในช่องพยานและยึดถือสัญญานั้นไว้ ประกอบกับได้บอกกล่าวจำเลย ซึ่งเป็นทายาทและผู้จัดการมรดกให้โอนที่ดินนั้นให้แก่โจทก์ตามสัญญาแล้ว ถือได้ว่าโจทก์ได้แสดงเจตนาแก่จำเลยที่จะถือเอาประโยชน์จากสัญญานั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 374 จำเลยต้องโอนที่ดินนั้นให้แก่โจทก์และทายาทจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขสัญญานั้นไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 375
โจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดก ให้โอนที่ดินตามสัญญาที่ทายาทตกลงยกให้โจทก์เพื่อเป็นการชำระหนี้ เป็นการฟ้องบังคับให้ปฏิบัติตามสัญญา มิใช่เป็นการฟ้องคดีมรดกอันอยู่ในบังคับจะต้องฟ้องภายในหนึ่งปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754
โจทก์ฟ้องว่านายเยื้อนกู้เงินโจทก์ไปหลายครั้งแล้วถึงแก่กรรมโดยยังมิได้ชำระหนี้แก่โจทก์ จำเลยซึ่งเป็นบุตรและเป็นทายาทของนายเยื้อน เป็นผู้จัดการมรดกของนายเยื้อน ตกลงยอมชำระหนี้เงินกู้ที่นายเยื้อนค้างชำระแก่โจทก์ โดยยอมโอนที่ดินอันเป็นมรดกของนายเยื้อนบางส่วนให้แก่โจทก์เป็นการหักกลบลบหนี้ แต่จำเลยเพิกเฉย จึงขอให้ศาลบังคับจำเลยโอนที่ดินดังกล่าวแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ข้อตกลงในการประชุมจัดการมรดกของนายเยื้อนระหว่างทายาทเป็นโมฆะ ไม่มีผลตามกฎหมาย คดีโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า คดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความ ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกได้ตกลงและผูกพันจะต้องโอนที่ดินตามฟ้องแก่โจทก์ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความ โจทก์มีสิทธิเรียกให้ชำระหนี้จากคู่สัญญาได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 374 พิพากษากลับ ให้จำเลยโอนที่ดินตามฟ้องให้โจทก์
จำเลยฎีกาว่า โจทก์ยังมิได้แสดงเจตนารับโอนที่ดินแทนการชำระหนี้จำเลยและทายาทมีสิทธิเปลี่ยนแปลงข้อตกลงเสียใหม่ จำเลยจึงไม่ต้องโอนที่ดินตามฟ้องให้โจทก์ โจทก์ฟ้องเป็นคดีมรดกเกินกว่า 1 ปี คดีโจทก์ขาดอายุความ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อโจทก์เป็นเจ้าหนี้นายเยื้อนผู้ตาย ต่อมาทายาทของนายเยื้อนทุกคนทำสัญญาตกลงยกที่ดินตามฟ้องให้แก่โจทก์เพื่อเป็นการชำระหนี้ สัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาผูกพันทายาทเกี่ยวกับการแบ่งมรดก โจทก์มิได้เป็นคู่สัญญาด้วย จึงเป็นการทำสัญญาเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 374 พฤติการณ์ที่จำเลยมอบสัญญานั้นทั้งสองฉบับให้แก่โจทก์ยึดถือไว้ โจทก์ลงชื่อรับทราบสัญญาในช่องพยาน และนำสืบว่าได้บอกกล่าวให้จำเลยโอนที่ดินตามฟ้องให้แก่โจทก์ตามสัญญา ซึ่งจำเลยมิได้นำสืบโต้แย้ง ถือได้ว่าโจทก์ได้แสดงเจตนาแก่จำเลยที่จะถือเอาประโยชน์จากสัญญานั้นจำเลยและทายาทจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขสัญญานั้นไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 375 จำเลยเป็นผู้จัดการมรดก มีหน้าที่ในการชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้กองมรดก จึงต้องจัดการโอนที่ดินตามฟ้องให้แก่โจทก์
โจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดก ให้โอนที่ดินตามสัญญาที่ทายาทตกลงยกให้โจทก์เพื่อเป็นการชำระหนี้ เป็นการฟ้องบังคับให้ปฏิบัติตามสัญญามิใช่เป็นการฟ้องคดีมรดกอันอยู่ในบังคับจะต้องฟ้องภายในหนึ่งปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 ฟ้องโจทก์ไม่ขาดอายุความ คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - นายประเสริฐ ศรีอัสดร จำเลย - นายทองดี ชื่นภิรมย์ ในฐานะผู้จัดการมรดกของ จำเลย - นายเยื้อน ชื่นภิรมย์ ผู้วายชนม์
ชื่อองค์คณะ ภักดิ์ บุณย์ภักดี สีห์ คลายนสูตร ภิญโญ ธีรนิติ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan