ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นบริษัทจำกัด มีจำเลยที่ 2 ถึง 4 เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ และจำเลยที่ 5 เป็นผู้แทน บังอาจร่วมขุดและมีแร่ดีบุกไว้ในครอบครองเกินโควตาตามใบสุทธิแร่ของจำเลยที่ 1 (436 หาบ) ถึง1,143.67 หาบ ราคา 6,404,552 บาท ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติควบคุมแร่ดีบุก พ.ศ. 2514 มาตรา 20, 31
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาปรับจำเลยที่ 1 และ 5 คนละ 6,404,552 บาท ยกฟ้องจำเลยที่ 2, 3 และ 4 ของกลางริบ
โจทก์ จำเลยที่ 1 และที่ 5 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คดีโจทก์ขาดอายุความ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยได้รับโควตาตามใบสุทธิแร่ให้มีแร่ดีบุกไว้ในครอบครอง 436 หาบ เจ้าพนักงานได้ตรวจสอบเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2518 ถึงวันที่ 20 กันยายน 2518 พบว่าจำเลยมีแร่ดีบุกไว้ในครอบครอง 1,579.67 บาท เกินจากโควตาที่ได้รับตามใบสุทธิแร่ไป 1,143.67 หาบ กรณีเช่นนี้ต้องฟังว่าจำเลยครอบครองแร่ดีบุกของกลางเกินโควตาที่ได้รับตามใบสุทธิแร่ตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน 2518 แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นวันกระทำความผิดของจำเลย โจทก์มาฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2519 จึงเกิน1 ปีนับแต่จำเลยกระทำความผิด คดีโจทก์จึงขาดอายุความที่โจทก์ฎีกาว่าระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม 2518 - 30 กันยายน 2519 เป็นระยะเวลาที่จำเลยขอเพิ่มโควตาได้ตามมาตรา 12 และในวันที่ 24 กันยายน 2518 จำเลยที่ 1 ก็ได้ยื่นคำร้องขอเพิ่มโควตา โจทก์เห็นว่าระหว่างนั้นจำเลยมีสิทธิทำแร่ดีบุกเกินโควตาได้ อายุความเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2518 นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำของจำเลยได้เกิดขึ้นแล้วในวันที่ 17 กันยายน 2518 แม้ภายหลังต่อมาจำเลยจะได้อนุมัติให้เพิ่มโควตาได้ ก็ไม่ทำให้การกระทำความผิดของจำเลยที่เกิดขึ้นแล้วกลายเป็นไม่เป็นความผิด ข้ออ้างของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา









