ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 2 อ้างว่าโจทก์เป็นผู้ผลิตฟืนขายให้กรมรถไฟ และอ้างว่าโจทก์เป็นผู้ทรงตรงสารสัญญาจ้าง นายเหลือบทำฟืนนั้นให้ซึ่งไม่ได้ปิดแสตมป์ จึงประเมินเก็บภาษีการค้าและอากรกับเงินเพิ่มอากรจากโจทก์ โจทก์ไม่ใช่ผู้ผลิตและนายเหลือบเป็นผู้มีหน้าที่เสียอากร โจทก์อุทธรณ์คัดค้านต่อจำเลยที่ 3-5 จำเลยเหล่านี้สั่งยกอุทธรณ์ของโจทก์ ขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่ง จำเลยให้การว่าโจทก์ยังไม่ได้เสียภาษีและอากรตามที่ถูกเรียกเก็บ จึงนำคดีมาฟ้องต่อศาลไม่ได้ โจทก์เป็นผู้ผลิตจึงจะต้องเสียภาษีการค้า สำหรับอากรนั้นจำเลยเรียกเก็บจากนายเหลือบไม่ได้โจทก์เป็นผู้ทรงตราสารจึงมีหน้าที่ต้องเสียแทน ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้ยกฟ้องในเรื่องขอให้เพิกถอนคำสั่งเรื่องภาษีการค้า แต่ให้เพิกถอนคำสั่งที่ให้โจทก์เสียอากรแทนนายเหลือบ โจทก์จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยทั้งหมด จำเลยฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้โจทก์จะยังไม่ได้ชำระภาษีอากรบทกฎหมายที่จำเลยอ้าง (มาตรา 27, 31, 77 ทวิ, 86 ทวิ) ก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้โจทก์นำคดีมาฟ้องต่อศาล โจทก์อาศัยใบอนุญาตทำไม้ของวิศวกรกำกับการบำรุงทางเขตลำชีทำไม้ฟืน แล้วเอามาขายให้กรมรถไฟ ในการนี้แม้โจทก์จะไปจ้างนายเหลือบทำฟืนแทนตน โจทก์ก็ยังเป็นผู้ผลิตอยู่ตามมาตรา 77 จึงจะต้องเสียภาษีการค้า แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่านายเหลือบมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งแต่เมื่อจำเลยเรียกเก็บอากรจากนายเหลือบและนายเหลือบก็รับว่าจะชำระ แต่ในที่สุดก็ไม่ชำระ จำเลยย่อมเรียกเก็บอากรนั้นจากโจทก์ซึ่งเป็นผู้ถือเอาประโยชน์แห่งตราสารนั้นได้ตาม มาตรา 115 พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์.
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา







