ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุกเข้าไปไถหว่านข้าวเปลือกในที่ดินซึ่งโจทก์เป็นเจ้าของมีสิทธิครอบครอง โจทก์ห้ามจำเลยก็ไม่เชื่อ ขอให้พิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ขับไล่จำเลยและบริวารและให้จำเลยใช้ค่าเสียหายปีละ 20,000 บาท

จำเลยต่อสู้ว่า ที่พิพาทเป็นของคนอื่น จำเลยเข้าทำนาโดยอาศัยสิทธิการเช่าจากผู้มีสิทธิให้เช่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง

นางฉลวยยื่นคำร้องสอดขอเข้าเป็นจำเลยร่วม อ้างว่าที่พิพาทเป็นของผู้ร้องสอด จำเลยเช่านาที่พิพาทจากนายเศวตโดยผู้ร้องสอดอนุญาต โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง

โจทก์จำเลยไม่คัดค้านการร้องสอด ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ผู้ร้องสอดสอดเข้ามาในคดีได้ โจทก์จำเลยตกลงกันว่า ค่าเสียหายในการทำนาพิพาทปีละ 5,000 บาท ผู้ร้องสอดและจำเลยแถลงว่าที่พิพาทเป็นของผู้ร้องสอดเป็นสินเดิม โจทก์ว่าเป็นของโจทก์ ผู้ร้องสอดกับโจทก์รับกันว่าเป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย ยังไม่ได้หย่าขาดจากกัน ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ ให้งดสืบพยาน

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์และผู้ร้องสอดเป็นสามีภริยากัน แม้จะฟังว่าที่พิพาทเป็นสินเดิมของผู้ร้องสอด ก็เป็นสินบริคณห์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1462 สามีมีอำนาจจัดการสินบริคณห์ตามมาตรา 1468 การที่จำเลยเช่าที่พิพาทจากผู้ที่ไม่มีอำนาจให้เช่า จำเลยต้องรับผลเสียหายเอาเองพิพากษาให้จำเลยและบริวารออกจากที่พิพาท และให้ใช้ค่าเสียหาย 5,000 บาท

จำเลยและผู้ร้องสอดอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาฟังว่า นาที่พิพาทเป็นสินบริคณห์ระหว่างโจทก์กับผู้ร้องสอด จำเลยเช่านาพิพาทจากนายเศวต กล้ากลางสมร โดยได้รับอนุญาตจากผู้ร้องสอด โดยโจทก์ผู้เป็นสามีผู้ร้องสอดมิได้รู้เห็นยินยอมด้วย และโจทก์ยังมิได้บอกล้างสัญญาเช่านั้น ปัญหามีว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้หรือไม่

ศาลฎีกาเห็นว่า การที่ผู้ร้องสอดซึ่งเป็นภริยาโจทก์นำเอานาพิพาทอันเป็นสินบริคณห์ไปให้จำเลยเช่าทำ โดยมิได้รับความยินยอมจากโจทก์ผู้เป็นสามี สัญญาเช่าดังกล่าวย่อมตกเป็นโมฆียะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 38 เมื่อโจทก์ยังมิได้บอกล้างสัญญาเช่านาพิพาทก็คงยังสมบูรณ์ โจทก์จึงฟ้องหาว่าจำเลยบุกรุกและเรียกค่าเสียหายไม่ได้ เพราะจำเลยเข้าทำนาพิพาทโดยอาศัยสิทธิตามสัญญาเช่าที่ยังมีผลใช้บังคับอยู่ ไม่เป็นละเมิด

ที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์เพิ่งทราบว่าจำเลยเช่าจากผู้ร้องสอด เมื่อผู้ร้องสอดยื่นคำร้องขอเข้าเป็นจำเลยร่วม โจทก์จึงถือว่าการฟ้องจำเลยเป็นการบอกล้างสัญญาโดยพฤตินัยนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นกรณีที่โจทก์มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแต่ศาลชั้นต้น จึงไม่รับวินิจฉัย

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th