ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

Lawyer CTA
สมัครเป็นทนายออนไลน์ ง่ายๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย
เข้าถึงผู้ใช้เว็บไซต์กว่า 4 ล้านคน
ให้คำปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ค้นหามาตรา อัปเดตฎีกา ครบ จบ ในที่เดียว
ในทุกๆ ชั่วโมงมีคำปรึกษาใหม่จากลูกความ ที่รอทนายตอบอยู่
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยลักทรัพย์สมุดเงินฝากบัญชีออมทรัพย์ธนาคารกรุงศรีอยุธยาจำกัด (มหาชน) สาขาย่อยเพชรเกษม 55 เลขที่ 300-1-01577-5 จำนวน 1 เล่มราคา 100 บาท ของนางประภาพร พรมแตง ผู้เสียหายไปโดยทุจริต หลังจากนั้นจำเลยทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับโดยกรอกข้อความลงในใบถอนเงินธนาคารกรุงศรีอยุธยาจำกัด (มหาชน) สาขาย่อยเพชรเกษม 55 ว่าขอถอนเงินจำนวน 100,000 บาท จากบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ตามสมุดบัญชีเงินฝากดังกล่าว แล้วจำเลยปลอมลายมือชื่อของนางประภาพรผู้เสียหายลงในใบถอนเงินดังกล่าวในช่อง "ลายมือชื่อเจ้าของบัญชี"และช่อง "ลายมือชื่อผู้รับเงิน" แล้วจำเลยใช้เอกสารใบถอนเงินปลอมดังกล่าวยื่นต่อนางสาวอรวรรณ เอี่ยมแก้ว พนักงานฝ่ายการเงินของธนาคารและหลอกลวงนางสาวอรวรรณด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่า จำเลยเป็นเจ้าของสมุดเงินฝากที่ลักมาดังกล่าวและใบถอนเงินเป็นเอกสารที่แท้จริง ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่นางสาวอรวรรณ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ผู้เสียหาย และประชาชนเพื่อขอเบิกถอนเงินจากบัญชีเงินฝากของนางประภาพร ผู้เสียหายโดยทุจริต เป็นเหตุให้นางสาวอรวรรณหลงเชื่อมอบเงินจำนวน 100,000 บาท ให้แก่จำเลยไป ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 268, 334, 341, 91 ให้จำเลยคืนสมุดเงินฝากหรือใช้ราคา 100 บาท และคืนเงิน 100,000 บาท แก่ผู้เสียหายด้วย

จำเลยให้การรับสารภาพ

ระหว่างพิจารณา ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เข้าร่วมเป็นโจทก์ในความผิดฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264(ที่ถูกคือมาตรา 264 วรรคแรก), 268 (ที่ถูกคือมาตรา 268 วรรคแรกประกอบด้วยมาตรา 264 วรรคแรก), 334, 341 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานลักทรัพย์จำคุก 1 ปี กระทงหนึ่ง ฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม กับความผิดฐานฉ้อโกงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ซึ่งมีโทษเท่ากัน ให้ลงโทษฐานฉ้อโกงตามมาตรา 341 แต่บทเดียว จำคุก 1 ปีรวมจำคุก 2 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา 78 คงจำคุก 1 ปีให้จำเลยคืนสมุดเงินฝาก 1 เล่ม หรือใช้ราคา 100 บาท และคืนเงินจำนวน 100,000บาท ที่ยังไม่ได้คืนแก่ผู้เสียหาย (ที่ถูกคือให้จำเลยคืนสมุดเงินฝาก 1 เล่มหรือใช้ราคา100 บาท แก่นางประภาพร พรมแตง ผู้เสียหาย และคืนเงินจำนวน 100,000 บาทที่ยังไม่ได้คืนแก่โจทก์ร่วม)

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า มีเหตุสมควรรอการลงโทษจำคุกแก่จำเลยหรือไม่ เห็นว่า จำเลยลักสมุดเงินฝากของนางประภาพร และปลอมลายมือชื่อของนางประภาพรลงในใบถอนเงินของโจทก์ร่วมถอนเงินออกจากบัญชีของนางประภาพรเป็นเงินจำนวนมากถึง 100,000 บาท นับว่าเป็นพฤติการณ์ร้ายแรง ประกอบกับได้ความจากรายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยของพนักงานคุมประพฤติว่าจำเลยเคยลักเงินของเพื่อนและของมารดาจำเลยมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่มีผู้ใดเอาเรื่อง จำเลยจึงมิได้ถูกดำเนินคดี แม้จำเลยจะชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ร่วมก็เป็นจำนวนเล็กน้อย เมื่อเทียบกับความเสียหายที่เกิดขึ้น พฤติการณ์แห่งคดีดังกล่าวยังไม่เป็นการสมควรรอการลงโทษจำคุกให้จำเลยได้ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจไม่รอการลงโทษจำคุกให้จำเลยเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น

อนึ่ง แต่การที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดสองกรรม โดยลงโทษฐานลักทรัพย์กระทงหนึ่งและลงโทษฐานปลอมและใช้เอกสารปลอมกับความผิดฐานฉ้อโกงอีกกระทงหนึ่งรวมสองกระทงนั้น เห็นว่า ยังไม่ถูกต้องเพราะตามพฤติการณ์แห่งการกระทำของจำเลยในการลักสมุดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ของนางประภาพรไปแล้วปลอมลายมือชื่อของนางประภาพรในใบถอนเงินของโจทก์ร่วมแล้วนำสมุดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ไปแสดงต่อพนักงานของธนาคารโจทก์ร่วม แล้วได้รับเงินจำนวน 100,000 บาท ก็เป็นการกระทำที่มีเจตนามุ่งหมายเพื่อจะให้ได้เงินจากธนาคารโจทก์ร่วมเป็นหลัก ซึ่งแม้การกระทำนั้น ๆ จะเป็นความผิด แต่ก็เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท หาได้เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันดังที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยไม่ ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 225 ประกอบด้วยมาตรา 195 วรรคสอง ศาลฎีกาจึงเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง"

พิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษในความผิดฐานลักทรัพย์ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้จำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th