ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


โจทก์ฟ้องว่า จำเลยลักบานประตูไม้สัก 2 บานราคา 300 บาท ของจ่าสิบตำรวจแฉล้มไปโดยทุจริต เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยบานประตูไม้สักดังกล่าวเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 และสั่งคืนของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 334 ลงโทษจำคุก ของกลางคืนเจ้าของ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยไม่มีเจตนาทุจริต พิพากษากลับยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า เดิมนายถี นางแช่มบิดามารดาของจำเลยซึ่งเป็นพ่อตาแม่ยายของผู้เสียหายเป็นผู้ครอบครองบานประตูไม้สัก 2 บาน ของกลางอยู่ เมื่อนายถีถึงแก่ความตาย นางแช่มได้ครอบครองต่อมา และให้จำเลยปลูกสร้างบ้านขึ้นใหม่อีกหลังหนึ่ง โดยบอกให้จำเลยเอาบานประตูดังกล่าวไปติดไว้ที่บ้านหลังใหม่ แล้ววินิจฉัยว่า ขณะเกิดเหตุคดีนี้นางแช่มมารดาของจำเลยเป็นผู้ครอบครองบานประตูของกลาง และเป็นผู้บอกให้จำเลยเอาบานประตูนั้นไป ฉะนั้น การที่จำเลยเอาไปโดยความยินยอมอนุญาตของมารดาซึ่งเป็นผู้ครอบครองทรัพย์ จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการเอาทรัพย์ไปจากการครอบครองของผู้อื่น อันเป็นองค์ประกอบของความผิดฐานลักทรัพย์ การกระทำของจำเลยไม่อาจเป็นความผิดตามฟ้อง ไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาโจทก์ที่ว่าจำเลยขาดเจตนาทุจริตหรือไม่ บานประตูของกลางทางพิจารณาปรากฏว่าพนักงานสอบสวนมอบให้ผู้เสียหายรับคืนไปแล้ว
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา









