ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 90, 358, 362, 365 (2)

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง

จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นโดยโจทก์และจำเลยทั้งสามมิได้ฎีกาโต้เถียงกันเป็นอย่างอื่นว่า พนักงานอัยการประจำศาลแขวงนนทบุรีได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยทั้งสามคดีนี้เป็นจำเลยต่อศาลแขวงนนทบุรีในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ และคดีดังกล่าวศาลแขวงนนทบุรีพิพากษายกฟ้องตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 462/2545 และคดีที่สุดแล้ว มีปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของโจทก์ว่า การกระทำของจำเลยทั้งสามในคดีนี้และคดีก่อนเป็นความผิดคนละตอนคนละเจตนากัน ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 462/2545 ของศาลชั้นต้น เห็นว่า คดีดังกล่าวพนักงานอัยการโจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2543 เวลากลางวัน จำเลยทั้งสามทำให้เสียทรัพย์บ้านพิพาทในคดีนี้ ส่วนคดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2543 เวลาประมาณ 13 นาฬิกา จำเลยทั้งสามกระทำความผิดฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ซึ่งบ้านพิพาทหลังเดียวกันและการบุกรุกก็เป็นการบุกรุกเข้าไปเพื่อรื้อถอนบ้านพิพาทในวันเดียวกัน ดังนี้ การกระทำของจำเลยทั้งสามในความผิดทั้งสองคดีจึงเป็นการกระทำที่ต่อเนื่องไม่ขาดตอน อันเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ดังนั้น การกระทำของจำเลยทั้งสามที่โจทก์บรรยายฟ้องคดีนี้และคดีก่อนเป็นการกระทำอันเดียวกัน ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น แต่อย่างไรก็ตามเมื่อคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 462/2545 ศาลชั้นต้นยกฟ้องโดยวินิจฉัยเพียงว่า นายทวีเดช โจทก์มิใช่เป็นผู้ได้รับความเสียหาย จึงมิใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจร้องทุกข์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (4) พนักงานสอบสวนย่อมไม่มีอำนาจสอบสวน การสอบสวนของพนักงานสอบสวนจึงเป็นไปโดยมิชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 121 วรรคสอง ทำให้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 120 นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า คดีดังกล่าวศาลพิพากษายกฟ้อง โดยยังมิได้วินิจฉัยถึงการกระทำของจำเลยทั้งสามตามข้อกล่าวหาของโจทก์ จึงถือไม่ได้ว่าเป็นคำพิพากษาที่ได้วินิจฉัยในความผิดซึ่งได้ฟ้อง อันจะเป็นเหตุให้สิทธิของโจทก์ที่จะนำคดีมาฟ้องใหม่ระงับสิ้นไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (4) ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีก่อน ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้โจทก์มิได้ยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำหน่ายคดีมานั้น จึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา และเมื่อฟังว่าฟ้องโจทก์คดีนี้ไม่เป็นฟ้องซ้ำ ปัญหาตามฎีกาของโจทก์ในข้อต่อมาที่ว่าจำเลยทั้งสามกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นสมควรให้การวินิจฉัยเป็นไปตามลำดับชั้นศาล จึงให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 208 (2) ประกอบมาตรา 225

พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ให้ศาลชั้นต้นพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วมีคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา อ.681/2552

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th