
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนมติทั้งหมดของการประชุมใหญ่สามัญเจ้าของร่วมอาคารชุด ส. ประจำปี 2564 (เรียกครั้งที่ 2) ในวันที่ 23 มกราคม 2565
ผู้คัดค้านทั้งสิบเอ็ดยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้องขอ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอ ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีผู้บริโภคพิพากษากลับ ให้เพิกถอนมติที่ประชุมใหญ่สามัญเจ้าของร่วม ประจำปี 2564 ครั้งที่ 2 ในวันที่ 23 มกราคม 2565 ให้ผู้คัดค้านทั้งสิบเอ็ดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนผู้ร้อง ผู้ร้องมิได้ตั้งทนายความจึงไม่กำหนดค่าทนายความให้ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีทั้งสองศาลให้เป็นพับ
ผู้คัดค้านทั้งสิบเอ็ดฎีกา โดยศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภคอนุญาตให้ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภควินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นในชั้นฎีการับฟังได้เป็นยุติว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของห้องชุดเลขที่ 19/314 อาคารชุด ส. ผู้คัดค้านที่ 1 เป็นนิติบุคคลอาคารชุด ผู้คัดค้านที่ 2 ถึงที่ 10 เป็นกรรมการ และผู้คัดค้านที่ 11 เป็นผู้จัดการ วันที่ 23 มกราคม 2565 ผู้คัดค้านที่ 1 จัดให้มีการประชุมใหญ่เจ้าของร่วมสามัญประจำปี 2564 ครั้งที่ 2 ตามหนังสือเรียกประชุมเจ้าของร่วม ลงวันที่ 13 มกราคม 2565 โดยจัดส่งหนังสือเรียกประชุมดังกล่าวไปทางไปรษณีย์ตอบรับให้แก่ผู้ร้องและเจ้าของร่วมคนอื่น ๆ ในวันที่ 14 มกราคม 2565 ผู้ร้องได้รับหนังสือนัดประชุมดังกล่าวในวันที่ 17 มกราคม 2565 และตามข้อบังคับของผู้คัดค้านที่ 1 ข้อ 29 วรรคสอง ระบุว่า "การเรียกประชุมใหญ่ต้องทำเป็นหนังสือนัดประชุมระบุสถานที่ วัน เวลา ระเบียบวาระการประชุม และเรื่องที่จะเสนอต่อที่ประชุมพร้อมด้วยรายละเอียดตามสมควรและจัดส่งให้เจ้าของร่วมไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน ก่อนวันประชุม"
คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามที่ผู้คัดค้านทั้งสิบเอ็ดได้รับอนุญาตให้ฎีกาว่า การส่งหนังสือนัดประชุมใหญ่เจ้าของร่วมสามัญที่ต้องจัดส่งให้แก่เจ้าของร่วมไม่น้อยกว่าเจ็ดวันนั้น ถือเอาวันส่งหนังสือนัดประชุมหรือวันที่ผู้ร้องได้รับหนังสือนัดประชุม เห็นว่า ตามข้อบังคับของผู้คัดค้านที่ 1 ข้อ 29 วรรคสอง และพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. 2522 มาตรา 42/3 ได้ระบุไว้ในทำนองเดียวกันว่า หนังสือนัดประชุมใหญ่ให้จัดส่งให้เจ้าของร่วมไม่น้อยกว่าเจ็ดวันก่อนวันประชุม ซึ่งการที่ข้อบังคับของผู้คัดค้านที่ 1 และพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. 2522 กำหนดให้ต้องมีการบอกกล่าวเรียกประชุมใหญ่ให้แก่เจ้าของร่วมทราบล่วงหน้าก่อนวันประชุมใหญ่นั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อให้มีการแจ้งให้เจ้าของร่วมทราบล่วงหน้าว่าผู้คัดค้านที่ 1 จะได้จัดให้มีการประชุมใหญ่ในกิจการใด ที่ใด เมื่อใด เพื่อให้เจ้าของร่วมได้มีโอกาสเตรียมตัวในการสอบถาม หรือแสดงความคิดเห็นในหัวข้อหรือเรื่องที่จะประชุมใหญ่ได้โดยเต็มที่ และเพื่อไม่ให้ผู้บริหารนิติบุคคลหรือเจ้าของร่วมผู้ที่เรียกประชุมเอาเปรียบหรือรวบรัดในการประชุม ดังนั้น ความหมายของข้อบังคับและกฎหมายดังกล่าวในเรื่องของการส่งหนังสือนัดประชุมใหญ่ที่ให้จัดส่งให้แก่เจ้าของร่วมไม่น้อยกว่าเจ็ดวันก่อนวันประชุม จึงต้องถือเอาวันที่เจ้าของร่วมผู้รับหนังสือนัดประชุมทราบหรือถือว่าได้ทราบหนังสือนั้นเป็นสำคัญ มิใช่วันที่มีการจัดส่งหนังสือนัดประชุมใหญ่ไปยังผู้ร้องดังที่ผู้คัดค้านทั้งสิบเอ็ดกล่าวอ้าง โดยในเรื่องการส่งหนังสือนัดประชุมใหญ่นั้น ข้อบังคับของผู้คัดค้านที่ 1 และพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. 2522 มิได้กำหนดวิธีการส่งหนังสือนัดประชุมใหญ่และผลของการส่งไว้ จึงต้องอาศัยบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 4 ซึ่งในกรณีนี้ได้แก่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1245 ที่บัญญัติว่า "หนังสือบอกกล่าวใด ๆ เมื่อได้ส่งโดยทางไปรษณีย์สลักหลังถูกต้องแล้ว ท่านให้ถือว่าเป็นอันได้ส่งถึงมือผู้รับในเวลาที่หนังสือเช่นนั้นจะควรไปถึงได้ตามทางการปกติแห่งไปรษณีย์" ดังนั้น เมื่อหนังสือนัดประชุมใหญ่ดังกล่าวส่งทางไปรษณีย์ตอบรับ จึงต้องถือว่ามีผลนับแต่เวลาที่หนังสือนัดประชุมดังกล่าวควรจะไปถึงผู้ร้องได้ตามทางการปกติของการส่งทางไปรษณีย์ เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าผู้คัดค้านที่ 1 นัดประชุมใหญ่วันที่ 23 มกราคม 2565 แต่ปรากฏตามใบฝากรวม และรายงานผลการติดตามสถานะสิ่งของและใบตอบรับว่า ในการส่งหนังสือนัดประชุมใหญ่ให้แก่ผู้ร้องนั้นมีการฝากส่งหนังสือดังกล่าวให้แก่ผู้ร้องผ่านทางบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด ในวันที่ 14 มกราคม 2565 โดยบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด ผู้นำส่งได้ส่งหนังสือดังกล่าวให้แก่ผู้ร้องครั้งแรกในวันที่ 17 มกราคม 2565 และผู้ร้องลงชื่อรับหนังสือนัดประชุมใหญ่ในวันเดียวกันนั้นด้วยตนเอง จึงถือว่ามีการส่งหนังสือนัดประชุมไปถึงผู้ร้องได้ตามทางการปกติของการส่งทางไปรษณีย์ในวันที่ 17 มกราคม 2565 อันเป็นวันก่อนวันนัดประชุมใหญ่น้อยกว่า 7 วัน จึงเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายและข้อบังคับของผู้คัดค้านที่ 1 ดังนั้น ผู้ร้องในฐานะเจ้าของร่วมจึงมีสิทธิร้องขอให้ศาลเพิกถอนมติของที่ประชุมใหญ่อันฝ่าฝืนต่อกฎหมายและผิดระเบียบข้อบังคับนั้นได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1195 ในฐานะกฎหมายใกล้เคียงอย่างยิ่งตามมาตรา 4 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เพิกถอนมติที่ประชุมใหญ่สามัญเจ้าของร่วมประจำปี 2564 ครั้งที่ 2 ในวันที่ 23 มกราคม 2565 จึงชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้คัดค้านทั้งสิบเอ็ดฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา ผบ.(พ)347/2567
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา









