ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 12 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 240 จำคุก 4 ปี ตามมาตรา 244, 78 ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 240 และให้คืนเครื่องขัดไฟฟ้าแก่จำเลย โจทก์ฎีกาให้ลงโทษตามมาตรา 240
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า "ประจักษ์พยานโจทก์มีร้อยตำรวจตรีโชติชวาลวิวัฒน์ จ่าสิบตำรวจสุดใจ ช่างเรือนกุล สิบตำรวจโทไพฑูรย์ เฉลียวบุญเบิกความตรงกันว่า เห็นจำเลยกำลังใช้เศษผ้าขัดเหรียญกษาปณ์ของกลางอยู่ที่พื้นห้อง ห้องดังกล่าวฝาส่วนบนเป็นกระจกใส ย่อมมองเห็นได้ถนัดชัดเจนพยานโจทก์ไม่เคยรู้จักจำเลยมาก่อนไม่มีเหตุระแวงสงสัยว่าจะแกล้งเบิกความปรักปรำจำเลย คำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวนก็รับว่าขณะเจ้าพนักงานตำรวจเข้าจับกุม จำเลยกำลังขัดเหรียญกษาปณ์ปลอมอยู่ ข้อนำสืบของจำเลยที่ว่าขณะตรวจค้น จำเลยไม่อยู่ในบ้าน ไม่มีเหตุผลให้รับฟัง ไม่สามารถหักล้างพยานโจทก์ได้ปัญหามีต่อไปว่า การที่จำเลยขัดเหรียญกษาปณ์ปลอมดังกล่าวเป็นการทำปลอมเงินตราหรือไม่ เห็นว่ามีแต่คำของร้อยตำรวจตรีโชติพยานโจทก์ปากเดียวว่า ขณะจับกุมจำเลยรับว่าไปรับเหรียญจากแหล่งผลิตอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งทำยังไม่เรียบร้อยนำมาตกแต่งขอบและขัดใหม่ ไม่มีพยานโจทก์ปากอื่นเบิกความสนับสนุน ทั้งบันทึกการจับกุมก็ไม่ปรากฏข้อความเช่นนั้นนอกจากนี้บันทึกการตรวจพิสูจน์เหรียญของกลาง เอกสารหมาย จ.3 บอกรูปลักษณะของเหรียญปลอม ในข้อ ง. ว่า ตรงขอบเหลี่ยมของเหรียญปลอมส่วนมากเรียบไม่ยกขอบขึ้น จึงไม่มีความจำเป็นต้องมาตกแต่งขอบใหม่ส่วนเครื่องขัดไฟฟ้าของกลาง จำเลยโต้แย้งมาแต่ในชั้นสอบสวนว่า ใช้สำหรับลับเหล็กสกัดโม่หินซึ่งโม่ถั่วเหลืองทำเต้าหู้ ซึ่งนายผดุง ทองกระจ่าง พยานโจทก์เบิกความเจือสมว่า เครื่องดังกล่าวจะใช้ลับมีดหรือโลหะอื่นก็ได้ ตามรายงานการวิเคราะห์เหรียญกษาปณ์ของกลาง เอกสารหมาย จ.3 แผ่นที่ 2 ว่า เหรียญของกลางมีเหล็กและสังกะสีผสม ซึ่งตามคำของจ่าสิบตำรวจสุดใจ ว่า เหรียญในกะละมังที่จำเลยกำลังขัด สีแดง ๆ ไม่ขึ้นเงา นำออกใช้ไม่ได้ ต่างกับที่ค้นพบในถุงที่ผ่านการขัดแล้วมีลักษณะคล้ายของจริง กรณีอาจสันนิษฐานได้ว่า ส่วนผสมของเหรียญปลอมซึ่งมีแร่เหล็กและสังกะสีผสมอยู่ ทำให้ด้านไม่ขึ้นเงาต้องนำมาขัดให้เป็นสีขาวและขึ้นเงาก่อน โดยใช้น้ำยาขัด การที่จำเลยใช้น้ำยาขัดเหรียญเท่านั้น ไม่พอฟังว่าจำเลยทำปลอมเหรียญกษาปณ์ของกลาง"
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา เนติบัณฑิตยสภา
