คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระเงิน 1,580,630.20 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ แต่จำเลยทั้งสี่ไม่ชำระ โจทก์ขอหมายบังคับคดีและนำเจ้าพักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำนองเป็นที่ดินโฉนดเลขที่ 28985 พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4

จำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ยื่นคำร้องว่า การขายทอดตลาดทรัพย์จำนองเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2530 เจ้าพนักงานบังคับคดีส่งหมายแจ้งประกาศขายทอดตลาดไม่ชอบ โดยปิดหมายแจ้งประกาศขายทอดตลาดที่บ้านเลขที่ 6/14 ถนนกรุงเกษม แขวงวัดสามพระยา เขตพระนครกรุงเทพมหานคร ซึ่งบ้านดังกล่าวปิดประตูใส่กุญแจ ไม่มีผู้ใดอาศัยและมิได้ปิดประกาศการขายทอดตลาดไว้โดยเปิดเผย ณ สถานที่ที่ทรัพย์ที่จะขายตั้งอยู่ ทำให้จำเลยไม่ทราบว่ามีการขายทอดตลาดในวันนั้นขอให้เพิกถอนการขาย

โจทก์และเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่คัดค้าน

ผู้ซื้อทรัพย์ทั้งสองคัดค้านว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ส่งหมายแจ้งประกาศขายทรัพย์ที่ยึดของจำเลยโดยชอบแล้ว ขอให้ยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง

จำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสามมีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านเลขที่6/14 ตามทะเบียนบ้าน การปิดหมายแจ้งประกาศขายทอดตลาดตามที่อยู่ดังกล่าว แม้บ้านปิดประตูใส่กุญแจไม่มีผู้อาศัยก็เป็นการส่งไปตามภูมิลำเนาของจำเลยทั้งสามเป็นการชอบด้วยกฎหมายแล้ว ส่วนกรณีที่เจ้าพนักงานบังคับไม่ปิดประกาศการขายทอดตลาดไว้ ณ สถานที่ที่ทรัพย์ที่จะขายตั้งอยู่แม้ระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดีพ.ศ. 2522 ข้อ 68 วรรคแรกจะกำหนดให้เจ้าพนักงานบังคับคดีปิดประกาศการขายทอดตลาดไว้โดยเปิดเผย ณ สถานที่ที่ทรัพย์ที่จะขายตั้งอยู่ด้วยก็ตาม ข้อกำหนดดังกล่าวก็มีวัตถุประสงค์ เพื่อจะให้บุคคลภายนอกที่สนใจมาประมูลซื้อทรัพย์เท่านั้น ระเบียบดังกล่าวหาเป็นกฎหมายไม่ เมื่อปรากฏว่าการส่งหมายแจ้งประกาศขายทอดตลาดให้แก่จำเลยทั้งสามได้กระทำโดยชอบแล้ว จำเลยทั้งสามจะอ้างว่าไม่ทราบวันนัดขายทอดตลาดจึงฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา