ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องกล่าวเป็นใจความสำคัญว่า จำเลยที่ 1 เช่าที่ดินของโจทก์ปลูกห้องแถวเพื่อประกอบการค้า บัดนี้สัญญาเช่าสิ้นอายุแล้ว และจำเลยที่ 1 ได้ซื้อห้องแถวเลขที่ 491 ถนนยมจินดาและได้ย้ายครอบครัวมาอาศัยทำการค้าอยู่ในห้องใหม่นี้แล้ว จึงหมดความจำเป็นที่จะอยู่ในที่ดินของโจทก์ต่อไป แต่จำเลยที่ 1 ยังให้จำเลยที่ 2 กับบริวารอยู่ในที่ดินของโจทก์ โจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยที่ 1 รื้อห้องพิพาทออกไปจากที่ของโจทก์แล้ว จำเลยที่ 1 ไม่ยอมรื้อ ขอให้ศาลบังคับจำเลยที่ 1 รื้อถอนออกไปและขับไล่จำเลยที่ 2 กับให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าเสียหายเดือนละ 100 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะออก

จำเลยทั้งสองให้การและเพิ่มเติมคำให้การว่าจำเลยที่ 1 ใช้ห้องพิพาทเป็นที่อยู่อาศัยมิใช่เพื่อประกอบการค้า ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน จำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ผู้เป็นมารดาคงอยู่อาศัยในห้องพิพาทเลขที่ 334 และจำเลยได้ต่อสู้อย่างอื่นอีกหลายประการ ที่ดินรายนี้เช่ากันปีละ 150 บาท โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายถึงเดือนละ 100 บาทโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะไม่เคยมีหนังสือแจ้งการโอนกรรมสิทธิ์ให้จำเลยทราบ

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิจารณาฟังต้องกันว่าที่พิพาทอยู่ในย่านทำเลการค้าและจำเลยเช่าเพื่อเจตนาค้าสุกรเป็นส่วนใหญ่ จำเลยไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันโจทก์มีอำนาจฟ้อง ส่วนค่าเสียหายโจทก์ควรได้รับเพียงค่าเช่าเป็นรายเดือน ๆ ละ 12 บาท 50 สตางค์ พิพากษาให้จำเลยรื้อถอนห้องแถวและสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 1 ออกไปจากที่โจทก์ภายใน 1 เดือนและให้จำเลยที่ 2 กับบริวารออกไปจากที่ดินโจทก์ ให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 12 บาท 50 สตางค์ นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะออกจากที่ดินโจทก์

จำเลยทั้งสองฎีกา โดยผู้พิพากษาศาลชั้นต้นรับรองให้จำเลยฎีกาในข้อเท็จจริงได้

ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยที่ 1 ประสงค์เช่าที่พิพาทเพื่ออยู่อาศัย เพราะจำเลยมีครอบครัวอยู่ด้วยกันถึง 17 คน จนต้องขยับขยายปลูกขึ้นอีกห้องหนึ่ง การที่จำเลยที่ 1 เอาหมูไปพักไว้ในที่พิพาทเป็นการชั่วคราวหรือเลี้ยงเป็ดไก่ดังนี้ ไม่เรียกว่าจำเลยประกอบการค้า

อนึ่งการที่จำเลยที่ 2 ลงในทะเบียนสำมะโนครัวว่า เจ้าบ้านห้องพิพาทและมีบุตรหลายภริยาของจำเลยที่ 1 ร่วมอาศัยอยู่ด้วยแต่จำเลยที่ 1 คงไป ๆ มา ๆ ในบ้านพิพาทและสัญญาเช่าก็มีจำเลยที่ 1 เป็นผู้เช่า ผู้ที่อาศัยอยู่ในห้องพิพาทนี้ล้วนเกี่ยวดองอยู่ในครอบครัวของจำเลยที่ 1 ทั้งสิ้น จำเลยย่อมได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th