ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 57, 91 โดยขณะโจทก์ยื่นฟ้องอยู่ภายในกำหนดเวลาที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ผัดฟ้องและอยู่ในระหว่างที่จำเลยซึ่งยังเป็นเยาวชนได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวจากสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครราชสีมาหลบหนี

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์มีหน้าที่นำตัวจำเลยมาส่งศาลขณะที่ยื่นฟ้อง เมื่อโจทก์ไม่นำตัวจำเลยมาศาลในขณะยื่นฟ้อง จึงไม่ประทับฟ้องจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ

โจทก์อุทธรณ์คำสั่งขอให้ประทับรับฟ้อง

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษายืน

โจทก์ฎีกา โดยอัยการสูงสุดรับรองให้ฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า "มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า พนักงานอัยการโจทก์มีหน้าที่ต้องควบคุมตัวจำเลยซึ่งเป็นเยาวชนมาศาลขณะยื่นฟ้องหรือไม่ เห็นว่าตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2534 ไม่ได้บัญญัติเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้โดยเฉพาะ แต่ตามมาตรา 6 แห่งบทกฎหมายดังกล่าวบัญญัติให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาใช้บังคับแก่คดีเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 165 ได้บัญญัติไว้ชัดเจนให้พนักงานอัยการโจทก์คุมตัวจำเลยมาศาลในวันฟ้อง โดยนำมาใช้บังคับแก่คดีเด็กหรือเยาวชนได้และไม่เป็นการขัดหรือแย้งกับบทแห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวแต่อย่างใด ดังนั้น พนักงานอัยการโจทก์จึงมีหน้าที่ต้องควบคุมตัวจำเลย ซึ่งเป็นเยาวชนมาศาลขณะยื่นฟ้องสำหรับคดีนี้ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้ถูกควบคุมตัวที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครราชสีมาแล้วมีการประกันตัวไปภายหลังสถานพินิจดังกล่าวมิอาจส่งตัวจำเลยต่อศาลในวันฟ้องได้เนื่องจากนายประกันได้มาแจ้งว่าจำเลยถูกจับกุมอีกคดีหนึ่งในข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอลำสนธิจังหวัดลพบุรีเห็นได้ว่ากรณีเป็นเรื่องระหว่างการควบคุมตัวจำเลยในชั้นสอบสวนโดยอยู่ในอำนาจของผู้อำนวยการสถานพินิจ ไม่เกี่ยวกับศาล ประกอบกับมาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2543 ที่แก้ไขใหม่ก็มิได้บัญญัติให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลางเป็นผู้รับผิดชอบงานของสถานพินิจทั่วราชอาณาจักรดังที่บัญญัติไว้เดิมทั้งในปัจจุบันสถานพินิจทั่วราชอาณาจักรก็เป็นหน่วยงานที่แยกออกไปจากศาลแล้ว ดังนั้น ในชั้นควบคุมตัวจำเลยในสถานพินิจจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยอยู่ในความควบคุมของศาลเมื่อได้ความว่าขณะพนักงานอัยการโจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้ไม่มีตัวจำเลยมาศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่ประทับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณาจึงชอบแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น"

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th