สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1456/2539

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1456/2539

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 213 วรรคสอง, 1364

โจทก์ฟ้องขอแบ่งกรรมสิทธิ์รวมการที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลยเพื่อทำการรังวัดแบ่งแยกนั้นขัดต่อคำพิพากษาที่ว่าหากการรังวัดแบ่งแยกไม่อาจทำได้ให้ขายเอาเงินแบ่งกันและขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1364ศาลฎีกาพิพากษาให้ยกคำขอในส่วนที่ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ทั้งสองฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองเป็นเจ้าของร่วมกับจำเลยในที่ดินโฉนดเลขที่ 20910 เนื้อที่ 51 ตารางวา โดยโจทก์ทั้งสองถือกรรมสิทธิ์รวมคนละ 20 ส่วน จำเลยถือกรรมสิทธิ์รวม 11 ส่วนต่อมาโจทก์ทั้งสองมีความประสงค์จะแบ่งแยกที่ดิน แต่จำเลยไม่ยอมให้รังวัดแบ่งแยก ขอให้บังคับจำเลยไปขอรังวัดแบ่งแยกที่ดินดังกล่าวให้แก่โจทก์ทั้งสอง หากจำเลยไม่ดำเนินการขอรังวัดแบ่งแยกขอให้โจทก์ทั้งสองดำเนินการขอรังวัดแบ่งแยกโดยถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย

จำเลยให้การว่า โจทก์ทั้งสองเป็นน้องสาวร่วมบิดามารดาเดียวกันกับจำเลย มีข้อตกลงกันว่า ให้จำเลยอยู่อาศัยและใช้ประโยชน์ในที่ดินเพื่อประกอบอาชีพได้ตลอดชีวิตของจำเลย ห้ามโจทก์ทั้งสองนำที่ดินไปทำประโยชน์หรือจำหน่ายจ่ายโอนหรือแบ่งแยกที่ดินเว้นแต่จะได้รับความยินยอมจากจำเลย จำเลยผู้ยกให้ไม่เคยระบุว่าให้โจทก์ทั้งสองได้ที่ดินตรงส่วนใดเป็นที่แน่นอน โจทก์ทั้งสองใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยไปดำเนินการขอรังวัดแบ่งแยกที่ดินโฉนดเลขที่ 20910 จำนวนเนื้อที่ 40 สวน ใน 51 ส่วนให้แก่โจทก์ทั้งสอง หากจำเลยไม่ดำเนินการให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย หากการรังวัดแบ่งแยกไม่อาจทำได้ให้ขายที่ดินดังกล่าวแล้วเอาเงินที่ขายได้แบ่งกันตามส่วน

จำเลย อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับ ให้ยก ฟ้องโจทก์

โจทก์ ทั้ง สอง ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ศาลชั้นต้นให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยเพื่อทำการรังวัดแบ่งแยกนั้นขัดต่อคำพิพากษาที่ว่า หากการรังวัดแบ่งแยกไม่อาจทำได้ให้ขายเอาเงินแบ่งกัน และขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1364ที่บัญญัติว่า ถ้าการแบ่งไม่อาจตกลงกันได้ให้ขายโดยประมูลราคาระหว่างเจ้าของรวมหรือขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกัน ซึ่งหมายถึงว่าจำเลยต้องพอใจในรูปที่ดินที่รังวัดแบ่ง ถ้าจำเลยไม่พอใจก็ไม่อาจใช้คำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยได้ ศาลฎีกาเห็นควรแก้ไขในข้อนี้ให้ถูกต้อง

พิพากษากลับเป็นว่า ให้จำเลยไปขอรังวัดแบ่งแยกที่ดินโฉนดเลขที่ 20910 ให้แก่โจทก์ทั้งสอง โดยให้โจทก์ทั้งสองได้เนื้อที่คนละ 20 ส่วน ในจำนวน 51 ส่วน หากการรังวัดแบ่งแยกไม่อาจตกลงกันได้ในระหว่างโจทก์ทั้งสองกับจำเลย ก็ให้ขายที่ดินดังกล่าวโดยประมูลราคาระหว่างโจทก์ทั้งสองกับจำเลย ถ้าไม่อาจขายโดยประมูลราคาก็ให้ขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกันตามส่วนแห่งความเป็นเจ้าของรวม ยกคำขอที่ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - นางสาว สุกานดา มโนมัยสุพัฒน์ กับพวก จำเลย - นาง สุมาลี มโนมัยสุพัฒน์หรือบุญรอด

ชื่อองค์คณะ อรุณ น้าประเสริฐ จเร อำนวยวัฒนา อรรถนิติ ดิษฐอำนาจ

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th