ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

Lawyer CTA
สมัครเป็นทนายออนไลน์ ง่ายๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย
เข้าถึงผู้ใช้เว็บไซต์กว่า 4 ล้านคน
ให้คำปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ค้นหามาตรา อัปเดตฎีกา ครบ จบ ในที่เดียว
ในทุกๆ ชั่วโมงมีคำปรึกษาใหม่จากลูกความ ที่รอทนายตอบอยู่
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์ทั้งสามมีสิทธิครอบครองที่พิพาทตามส่วนของตนตามแผนที่พิพาทเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2 ให้จำเลยจดทะเบียนแบ่งแยกที่ดิน น.ส.3 ก. เลขที่ 1553(ที่ถูกเป็น 2553) ตำบลดอนมัน อำเภอประทาย จังหวัดนครราชสีมาให้โจทก์ทั้งสามตามส่วนภายใน 30 วัน นับแต่คดีถึงที่สุด หากไม่ไปขอให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย

จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขอแบ่งที่พิพาท ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า โจทก์ที่ 1 ที่ 2 และที่ 3มีสิทธิครอบครองในที่พิพาทตามส่วนของตนที่ได้รับส่วนแบ่งตามแผนที่พิพาทเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2 ให้จำเลยจดทะเบียนแบ่งแยกที่ดินตาม น.ส.3 ก. เลขที่ 1553 (ที่ถูกเป็น 2553) ตำบลดอนมันอำเภอประทาย จังหวัดนครราชสีมา ให้โจทก์ทั้งสามตามส่วนภายใน 30 วัน นับแต่คดีถึงที่สุด หากไม่ไป ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย

จำเลย อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ ภาค 1 พิพากษายก อุทธรณ์ จำเลย

จำเลย ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ที่พิพาทเป็นของนายดำ กิ่งคำ นายดำมิได้ยกที่พิพาทให้แก่นางหนู กิ่งคำมารดาจำเลย เพียงแต่มอบที่พิพาทให้นางหนูยึดถือไว้และครอบครองแทนจนกระทั่งนางหนูถึงแก่กรรมเท่านั้น นางหนูไม่ได้สิทธิครอบครองในที่พิพาท และเมื่อปี 2521 ได้มีการแบ่งที่พิพาทออกเป็น 4 แปลง ตามแผนที่พิพาทเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2โจทก์ทั้งสามต่างเข้าครอบครองตามส่วนของตนแล้ว จำเลยจึงต้องจดทะเบียนแบ่งแยกที่พิพาทให้แก่โจทก์ทั้งสามตามส่วน คิดเป็นที่ดินรวมกันเนื้อที่ 18 ไร่ 80 ตารางวา ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 2553 ตำบลดอนมัน อำเภอประทายจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งโจทก์ตีราคามาในคำฟ้องเป็นเงิน 54,000 บาทจำเลยอุทธรณ์ว่า ที่พิพาททั้งหมดเป็นของนางหนูมารดาจำเลยโดยนางหนูได้รับที่พิพาทมาจากนายดำบิดาในฐานะเป็นผู้ดูแลเลี้ยงดูจนกระทั่งนายดำถึงแก่กรรมและนางหนูได้ครอบครองทำประโยชน์เพื่อตนตลอดมาจนถึงแก่กรรม เมื่อนางหนูถึงแก่กรรมแล้วจำเลยได้ครอบครองตลอดมาจนปัจจุบัน ขอให้ยกฟ้อง ดังนี้อุทธรณ์ของจำเลยดังกล่าวเป็นการโต้เถียงว่าที่พิพาททั้งหมดมิใช่ทรัพย์มรดก หากข้อเท็จจริงเป็นดังที่จำเลยอุทธรณ์ จำเลยย่อมได้รับผลตามข้อต่อสู้ของจำเลยทั้งคดี จึงเป็นคดีที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์ตามราคาทรัพย์พิพาทคือ 54,000 บาท โดยไม่แยกทุนทรัพย์ตามที่โจทก์แต่ละคนเรียกร้อง เมื่อที่พิพาทมีราคาเกินกว่าห้าหมื่นบาท จึงไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง

พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาใหม่ตามรูปคดี

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th