ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นภรรยาของจำเลย ต่อมาได้ตกลงแยกกันอยู่โดยจำเลยตกลงทำสัญญาแบ่งรายได้เป็นค่าเลี้ยงดูบุตรทั้งสองที่จำเลยมอบภาระให้โจทก์ ในอัตราเศษหนึ่งส่วนสามของรายได้ประจำเดือนที่จำเลยได้รับหลังจากหักค่าภาษีเงินได้และภาษีช่วยชาติออกแล้วจนกว่าบุตรทั้งสองจะบรรลุนิติภาวะ หรือจนกว่าโจทก์จะยอมหย่าขาดจากจำเลย และให้ถืออัตราส่วนแบ่งนี้ตลอดไปไม่ว่ารายได้ของจำเลยจะเปลี่ยนแปลงไปโดยประการใด เมื่อบุตรทั้งสองคนบรรลุนิติภาวะแล้ว จำเลยก็ได้จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูโจทก์โดยถือเอาจำนวนค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรตามข้อกำหนดในสัญญาท้ายฟ้องตลอดมา ต่อมาจำเลยจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูโจทก์เพียงเดือนละ 1,200 บาทเท่านั้น ซึ่งจำเลยมีหน้าที่แบ่งรายได้ให้โจทก์หนึ่งในสามของรายได้เป็นเงิน 1,860 บาท ไม่ครบตามข้อตกลง ขอให้จำเลยจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูให้แก่โจทก์เป็นเงิน 1,860 บาททุกเดือน จนกว่าโจทก์จำเลยจะหย่าขาดจากความเป็นสามีภรรยากัน

จำเลยให้การว่า ข้อตกลงยินยอมในการแบ่งรายได้เลี้ยงดูบุตรท้ายฟ้อง สิ้นผลบังคับเมื่อบุตรคนที่สองบรรลุนิติภาวะแล้ว แม้จำเลยยังไม่ยอมหย่าขาดจากโจทก์ เงื่อนไขบังคับหลังสำเร็จแล้วจำเลยไม่ต้องรับผิดตามข้อตกลงท้ายฟ้องอีกต่อไป ข้อตกลงนี้เป็นคำสั่งของผู้บังคับบัญชาตลอดเวลาที่จำเลยยังรับราชการตลอดไป บัดนี้จำเลยถูกปลดเกษียณแล้ว เป็นผลให้สัญญาสิ้นสุดลง โจทก์จะนำหนี้ในมูลสัญญาที่สิ้นผลบังคับแล้ว มาบังคับจำเลยไม่ได้ คำฟ้องของโจทก์นำเอาสัญญาท้ายคำฟ้องมาเป็นหลักแห่งข้อหา ซึ่งจำเลยไม่เคยตกลงใด ๆ กับโจทก์ แต่จำเลยยังยินดีส่งเสียตามข้อตกลงเรื่อยมาแม้สัญญาจะสิ้นผลบังคับแล้ว ต่อมาจำเลยปลดเกษียณ และไม่ได้ทำงานที่อื่นอีก ฐานะของจำเลยเปลี่ยนแปลงไป และจำเลยมีภาระหนี้สินที่จะต้องผ่อนชำระเป็นรายเดือน มีบุตรที่ต้องอุปการะเลี้ยงดูให้การศึกษาอีก 2 คน จึงไม่สามารถส่งเสียโจทก์ในจำนวนเดิมได้

วันชี้สองสถาน จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชี้ขาดข้อกฎหมายเบื้องต้นว่าโจทก์ฟ้องจำเลยในมูลสัญญาที่สิ้นผลบังคับแล้ว โจทก์จะนำสัญญานี้มาฟ้องจำเลยไม่ได้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานแล้วพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยาน แล้วพิพากษาใหม่

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า คำฟ้องของโจทก์บรรยายถึงความเป็นมาระหว่างโจทก์จำเลยและบุตร ตลอดจนจำเลยได้ทำสัญญาและแบ่งรายได้ให้โจทก์เป็นรายเดือนในอัตราหนึ่งในสามส่วนของรายได้สุทธิที่จำเลยได้รับเป็นค่าเลี้ยงดูบุตรสองคนของจำเลยที่อยู่กับโจทก์ จำเลยได้ปฏิบัติตามสัญญาตลอดมา ภายหลังที่บุตรทั้งสองบรรลุนิติภาวะแล้วจำเลยได้จ่ายเงินตามจำนวนเดิมให้โจทก์ตลอดมาจนจำเลยถูกปลดเกษียณซึ่งโจทก์ได้ถือเอาอัตราและจำนวนเงินที่จำเลยเคยจ่ายให้โจทก์เป็นค่าอุปการะเลี้ยงดูโจทก์ตามกฎหมาย ภายหลังที่จำเลยถูกปลดเกษียณแล้ว จำเลยได้จ่ายเงินให้โจทก์ลดจำนวนลง โจทก์ได้อ้างข้อตกลงตามสัญญาแบ่งเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรเป็นหลักในการคำนวณจำนวนเงินตามที่จำเลยเคยจ่ายให้โจทก์เท่านั้น มิใช่โจทก์นำเอาสัญญาแบ่งรายได้เลี้ยงดูบุตรที่สิ้นผลบังคับแล้วมาฟ้องให้จำเลยต้องรับผิด กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1594 ที่โจทก์จะต้องบรรยายฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้ไร้ทรัพย์สิน และมิสามารถหาเลี้ยงตนเองได้ดังฎีกาของจำเลย คดียังมีประเด็นโต้เถียงกันต่อไปว่า จำเลยมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องจ่ายเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูให้โจทก์จริงหรือไม่ และฐานะของจำเลยเปลี่ยนแปลงไปจริงหรือไม่อันเป็นเรื่องที่จะต้องฟังพยานโจทก์จำเลยต่อไป ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th