ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


ได้กล่าวว่า จำเลยพูดว่าผู้ตายยักยอกสตางค์ของจำเลยซึ่งทำตกไว้ ผู้ตายก็แทง จำเลยมีบาดแผลที่แขนและที่ปาก แล้วจำเลยกับผู้ตายก็แยกทางกันโดยจำเลยกลับบ้านของจำเลย แล้วผู้ตายได้มาที่เรือนจำเลยเรียกจำเลยให้ลงไปหา ขณะนั้นจำเลยส่องกระจดดูเห็นปากของตนแหว่งจึงฉวยลงจากเรือนไล่ผู้ตาย ๆ วิ่งหนี จำเลยไล่ตามทันก็แทงผู้ตายหนึ่งทีที่ท้องน้อย ต่อมาสักครูผู้ตายก็ตัดสินใจ
ศาลชั้นต้น ลงโทษจำเลยตามมาตรา ๒๔๙ - ๕๕ จำคุก ๗ ปี ๖ เดือน
ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้ ให้ยกข้อที่ลดโทษตามมาตรา ๕๕ เสีย คงจำคุกจำเลยตาม มาตรา ๒๔๙ - ๕๙ มีกำหนด ๗ ปี ๖ เดือน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ผู้จะได้ลดหย่อนโทษตามมาตรา ๕๕ นั้น จะต้องถูกกดขี่ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมและบันดาลโทษะได้กระทำผิดในขณะนั้น ในคดีนี้จำเลยได้แทงผู้ตายภายหลังที่การทำร้ายในครั้งแรกได้ยุตติขาดตอนมาแล้ว จะว่าจำเลยถูกกดขี่ข่มเหงและกระทำผิดในขณะนั้นไม่ได้ พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา








