ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์โดยปราศจากความระมัดระวังในภาวะเช่นนั้นจะต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ คือ ขณะรถสวนกัน ไม่ลดความเร็ว ไม่ใช้ไฟต่ำหรือหรี่ไฟขับเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดและล้ำออกกลางถนน จึงเกิดชนกับรถที่สวนทาง เป็นเหตุให้นายอำพรคนโดยสารรถคันที่สวนมาบาดเจ็บสาหัสและถึงตาย และคนโดยสารในรถที่จำเลยขับบาดเจ็บอีกหลายคน ขอให้ลงโทษ
จำเลยให้การปฏิเสธและว่า รถคันเกิดเหตุที่จำเลยนั่งไปเป็นของนายมานพขณะเกิดเหตุนายณรงค์บุตรนายมานพเป็นผู้ขับ และรับว่าคนขับประมาทจริง จำเลยไม่ใช่คนขับ
ศาลชั้นต้นเชื่อว่าจำเลยเป็นคนขับ พิพากษาว่าจำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291, 390 พระราชบัญญัติจราจรทางบก ลงโทษตามมาตรา 291 ซึ่งเป็นกระทงหนัก จำคุก 2 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เชื่อว่า นายณรงค์เป็นผู้ขับ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อคำพยานโจทก์มีพิรุธและกลับเจือสมคำพยานจำเลยจึงมีน้ำหนักสู่พยานจำเลยไม่ได้ การนำสืบของจำเลยนั้นตัวจำเลยยืนยันมาตั้งแต่เกิดเหตุแล้วว่า นายณรงค์เป็นคนขับรถ ทั้งพยานจำเลยนอกนั้นก็เบิกความสอดคล้องกับคำเบิกความของตัวจำเลยและทั้งเป็นคนนอกไม่มีส่วนได้เสียร่วมกับจำเลย จึงมีน้ำหนักน่าเชื่อถือว่าพยานโจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยมิได้เป็นคนขับรถที่ชนกันนี้ และพิพากษายกฟ้องมานั้น ชอบแล้ว พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา







