สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 149/2522

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 149/2522

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 90 (1)

สำนวนการสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีล้มละลายถือได้ว่าเป็นเอกสารในสำนวนคดีเรื่องอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา90(1)

การที่ผู้ร้องอ้างเอกสารซึ่งเป็นคำให้การของผู้คัดค้านในสำนวนการสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นั้น เข้าข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90(1) ซึ่งผู้ร้องไม่ต้องส่งสำเนาให้ผู้คัดค้านก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวัน

เนื้อหาฉบับเต็ม

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของบริษัทสยามพับลิเกชั่นส์ จำกัดลูกหนี้ผู้ล้มละลาย ผู้ร้อง ยื่นคำร้องว่านายธวัชชัยผู้ชำระบัญชีของบริษัทสยามพับลิเกชั่นส์ จำกัด ลูกหนี้ ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งขอให้ศาลพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลาย ศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาดในวันเดียวกันนั้น ต่อมาศาลได้มีคำพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลาย ก่อนศาลพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลาย ผู้ชำระบัญชีของลูกหนี้และเจ้าหนี้ผู้ทรงเช็ครวม 11 รายได้ประนอมหนี้กัน โดยเจ้าหนี้ยอมรับชำระหนี้ร้อยละ 21.2นายปรีดาเจ้าหนี้ผู้คัดค้านเป็นเจ้าหนี้ 80,000 บาท ได้รับชำระหนี้ไป 16,960บาท การที่ผู้ชำระบัญชีของลูกหนี้ประนอมหนี้กันแต่เฉพาะเจ้าหนี้ผู้ทรงเช็ครวม 11 ราย ภายในเวลา 3 ปี ก่อนมีการขอให้ลูกหนี้ล้มละลาย โดยเจ้าหนี้ทั้ง11 รายรู้ว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว ไม่สามารถชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้รายอื่นที่มิได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ไว้ต่อผู้ชำระบัญชี และเจ้าหนี้รายอื่นมิได้ยินยอมในการประนอมหนี้ ทั้งผู้ชำระบัญชีมิได้กันส่วนแบ่งของเจ้าหนี้รายอื่นไว้เป็นการกระทำโดยไม่สุจริต มุ่งหมายจะให้เจ้าหนี้ซึ่งมิได้เป็นเจ้าหนี้ตามเช็คเสียเปรียบ ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการชำระหนี้ดังกล่าวแล้วให้ผู้คัดค้านคืนเงิน 16,960 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งเพิกถอนจนกว่าจะชำระเสร็จ แก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ผู้ร้อง

ผู้คัดค้านให้การว่า ผู้คัดค้านเป็นผู้ทรงเช็คของลูกหนี้เป็นเงิน 80,000 บาทเมื่อเช็คของลูกหนี้ขึ้นเงินไม่ได้ ผู้คัดค้านได้ไปแจ้งความกับเจ้าพนักงานตำรวจให้ดำเนินคดีกับลูกหนี้ ผู้คัดค้านได้รับเงิน 16,960 บาท จากผู้ชำระบัญชีของลูกหนี้ก็เพื่อเลิกคดีที่แจ้งความไว้ ทั้งที่ผู้คัดค้านได้เสียเงินสดไปแล้ว 80,000บาท การที่ผู้คัดค้านรับเงินมาจากผู้ชำระบัญชีของลูกหนี้จึงเป็นไปโดยสุจริตขอให้ยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า ขณะมีการประนอมหนี้กันนั้น ผู้คัดค้านทราบว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว ผู้คัดค้านรับชำระหนี้ไว้โดยไม่สุจริต สั่งให้เพิกถอนการชำระหนี้ระหว่างผู้ชำระบัญชีของลูกหนี้กับผู้คัดค้าน ให้ผู้คัดค้านคืนเงิน 16,960 บาท พร้อมกับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี นับแต่วันมีคำสั่งจนกว่าจะชำระเงินเสร็จแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ผู้ร้อง

ผู้คัดค้านอุทธรณ์ว่า (1) ผู้คัดค้านยอมรับชำระหนี้จากผู้ชำระบัญชีของลูกหนี้ไว้โดยสุจริต (2) ศาลชั้นต้นรับฟังเอกสารหมาย จ.1 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะผู้ร้องไม่ได้ส่งสำเนาเอกสารให้ผู้คัดค้านก่อนวันสืบพยานครั้งแรก 3 วัน

ศาลชั้นต้นสั่งว่า อุทธรณ์ข้อ (1) เป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153 ไม่รับอุทธรณ์ข้อนี้ ส่วนอุทธรณ์ข้อ (2) เป็นปัญหาข้อกฎหมายให้รับอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่า เอกสารหมาย จ.1 เป็นพยานหลักฐานอันสำคัญเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี ศาลชั้นต้นรับฟังเป็นประโยชน์แก่เจ้าหนี้ทั่วไปที่มิได้เข้าประนอมหนี้กับผู้ชำระบัญชีของลูกหนี้ไม่ให้เสียเปรียบผู้คัดค้าน จึงรับฟังได้เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 พิพากษายืน

ผู้คัดค้านฎีกา

ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว ตามบัญชีพยานอันดับ 2 ผู้ร้องระบุอ้าง"สำนวนการสอบสวนในคดีนี้ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ อยู่ที่กรมบังคับคดีกระทรวงยุติธรรม" เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 6 บัญญัติว่า "กระบวนพิจารณาคดีล้มละลาย" หมายความว่ากระบวนพิจารณาซึ่งบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้ ไม่ว่าจะกระทำต่อศาลหรือต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ตั้งแต่เริ่มคดีจนถึงคดีสิ้นสุด และมาตรา 139 วรรคท้าย บัญญัติว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นั้น ให้ถือว่าเป็นเจ้าพนักงานของศาล ดังนั้น สำนวนการสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีล้มละลายถือได้ว่าเป็นเอกสารในสำนวนคดีเรื่องอื่น ตรงตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90(1) ยกตัวอย่างไว้ โดยเฉพาะเอกสารหมาย จ.1 นี้ เป็นเอกสารที่ผู้คัดค้านทราบดีอยู่แล้ว หรือสามารถตรวจตราให้ทราบได้โดยง่ายถึงความมีอยู่และความแท้จริงแห่งเอกสารนั้น เพราะเป็นคำให้การของผู้คัดค้านซึ่งไปให้การไว้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สำนวนการสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็มิได้ถือเป็นความลับผู้คัดค้านย่อมใช้สิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 54 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153ร้องขอต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตรวจเอกสารทั้งหมดหรือแต่บางฉบับในสำนวนเรื่องนั้น หรือขอคัดสำเนาหรือขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์คัดสำเนาและรับรองให้ได้ เว้นแต่จะเข้าขอยกเว้น ในชั้นพิจารณาคดีนี้เมื่อผู้ร้องส่งเอกสารหมาย จ.1 ให้ผู้คัดค้านดู ผู้คัดค้านก็รับว่าเป็นคำให้การของตนต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ หากเอกสารหมาย จ.1 ไม่ถูกต้องอย่างไร ผู้คัดค้านก็ชอบที่จะเบิกความท้วงติงและนำพยานมาสืบแก้ได้

ดังที่ได้วินิจฉัยมานี้เห็นว่า การที่ผู้ร้องอ้างเอกสารหมาย จ.1 ซึ่งเป็นคำให้การของผู้คัดค้านในสำนวนการสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นั้น เข้าข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90(1)ซึ่งผู้ร้องไม่ต้องส่งสำเนาให้ผู้คัดค้านก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วันศาลฎีกาเห็นด้วยในผลแห่งคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ที่วินิจฉัยว่า ศาลชั้นต้นรับฟังเอกสารหมาย จ.1 นั้นชอบแล้ว ฎีกาผู้คัดค้านฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ ผู้ร้อง - เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของบริษัทสยามพับลิเกชั่นส์ จำกัด ผู้ร้อง - ลูกหนี้ผู้ล้มละลาย ผู้คัดค้าน - นายปรีดา ตั้งตรงจิตต์ เจ้าหนี้

ชื่อองค์คณะ ชลูตม์ สวัสดิทัต ประภาศน์ อวยชัย พัลลภ สังโขบล

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE