ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341ให้จำเลยคืนหรือใช้เงินจำนวน 40,000 บาท แก่ผู้เสียหาย นับโทษจำเลยต่อจากโทษของจำเลยในคดีอื่น
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 จำคุก 6 เดือน ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์จำนวน40,000 บาท แก่ผู้เสียหาย ให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอื่น
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยในประการแรกว่า นายวรรณชัยเป็นผู้เสียหายตามกฎหมายมีสิทธิร้องทุกข์ในคดีนี้หรือไม่เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า จำเลยเพียงแต่หลอกลวงนายวรรณชัยว่าจำเลยจะช่วยติดต่อให้นายวรรณชัยเข้าทำงานเป็นสารวัตรทหารได้โดยไม่ต้องสอบเท่านั้น นายวรรณชัยหลงเชื่อจึงให้เงินแก่จำเลยไป ไม่ปรากฏว่านายวรรณชัยให้เงินจำเลยไปเพื่อให้จำเลยนำไปให้ข้าราชการทหารคนใดกระทำการอย่างใดอันมิชอบด้วยหน้าที่จึงถือไม่ได้ว่าผู้เสียหายใช้ให้ผู้ใดกระทำผิดกฎหมาย นายวรรณชัยจึงเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย มีสิทธิร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีนี้ได้ ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยในประการสุดท้ายว่า สิทธินำคดีอาญามาฟ้องเป็นคดีนี้ระงับไปเพราะการยอมความโดยถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เห็นว่าเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าผู้เสียหายและจำเลยได้ทำบันทึกกันไว้เป็นใจความว่า ถ้าจำเลยนำเงินมาคืนผู้เสียหายภายในกำหนด ผู้เสียหายก็จะไม่เอาเรื่องทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา จึงมิใช่เป็นการยอมความกันโดยผู้เสียหายไม่ติดใจดำเนินคดีแก่จำเลยโดยสิ้นเชิง หากแต่เป็นการยอมความโดยมีเงื่อนไขที่ให้จำเลยชำระเงินคืนผู้เสียหายเสียก่อน ผู้เสียหายจึงจะไม่ติดใจดำเนินคดีแก่จำเลย การยอมความในลักษณะเช่นนี้จะมีผลให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปต่อเมื่อจำเลยชดใช้เงินคืนแก่ผู้เสียหายแล้ว แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยมิได้ชำระเงินคืนแก่ผู้เสียหายจึงมิใช่เป็นการยอมความที่ทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไป
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา








