ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกอีก 1 คนที่หลบหนีไป ได้ร่วมกันชิงทรัพย์นาฬิกาข้อมือของผู้เสียหายไปโดยทุจริต ในการชิงทรัพย์นี้จำเลยกับพวกได้ใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายกับพวก เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย ก่อนคดีนี้จำเลยซึ่งมีอายุ 16 ปี เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดฐานชิงทรัพย์ โดยศาลพิพากษาให้ทำทัณฑ์บนจำเลยไว้และให้บิดาของจำเลยรับตัวไปมิให้ก่อเหตุร้ายภายในเวลา 3 ปี ถ้าหากจำเลยก่อเหตุร้ายขึ้นอีกให้ปรับครั้งละ 1,000 บาท ปรากฏตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 188/2515ของศาลทหารกรุงเทพ (ศาลจังหวัดสระบุรี) จำเลยได้กระทำผิดในลักษณะเดียวกันซ้ำอีกภายใน 3 ปีนับแต่วันที่ศาลพิพากษา ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339, 83 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 14 ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคานาฬิกาข้อมือ 500 บาท แก่เจ้าทรัพย์ และบังคับให้บิดาจำเลยชำระเงินค่าปรับตามข้อกำหนดดังกล่าวด้วย

จำเลยให้การปฏิเสธ ส่วนข้อเคยต้องคำพิพากษานั้นรับว่าเป็นจริงดังฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า จำเลยได้กระทำผิดดังฟ้อง พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสี่, 83 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 14 จำเลยเคยกระทำผิดในฐานเดียวกันนี้มาครั้งหนึ่งแล้ว ซึ่งศาลได้ทำทัณฑ์บนจำเลยไว้ในกำหนดเวลาทำทัณฑ์บนจำเลยมากระทำผิดคดีนี้ซ้ำอีก ไม่เข็ดหลาบ จึงควรลงโทษสถานหนัก ให้จำคุก 15 ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคานาฬิกาข้อมือ 500 บาทแก่เจ้าทรัพย์ และให้บิดาจำเลยชำระเงินค่าปรับ 1,000 บาท ตามข้อกำหนดในคำพิพากษาคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 188/2515 ของศาลทหารกรุงเทพ(ศาลจังหวัดสระบุรี)

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า พยานโจทก์ไม่มั่นคงพอให้เชื่อว่าจำเลยได้ร่วมกับพวกชิงเอานาฬิกาของผู้เสียหายไป พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์มั่นคงฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดดังฟ้อง พยานฐานที่อยู่ของจำเลยไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานโจทก์ แต่ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสี่,83 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 14 นั้น ยังคลาดเคลื่อนอยู่เพราะบาดแผลของผู้เสียหายที่เกิดจากถูกจำเลยกับพวกต่อย ปรากฏตามรายงานการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์เพียงว่าคางข้างขวาบวม ไม่มีเขียว ไม่ช้ำ รักษาหายภายใน 3 วัน เห็นได้ว่าเป็นบาดแผลเล็กน้อย ยังฟังไม่ได้ว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ การกระทำของจำเลยจึงต้องด้วยวรรคสองแห่งมาตรา 339 มิใช่ วรรคสี่ อนึ่ง ตามที่ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้บิดาจำเลยชำระค่าปรับด้วยนั้น เห็นว่าไม่ถูกต้อง โจทก์จะมาขอในคดีนี้ไม่ได้ จะต้องร้องขอในคดีก่อน และศาลจะสั่งปรับในคดีนี้ไม่ได้ โดยนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 1872/2492 คดีระหว่างอัยการสมุทรสาคร โจทก์ เด็กชายสมควร ยันต์สาคร จำเลย

พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสอง, 83 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 14 ให้ลงโทษจำคุก 10 ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคานาฬิกาข้อมือ 500 บาท แก่ผู้เสียหาย คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th