ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

Lawyer CTA
สมัครเป็นทนายออนไลน์ ง่ายๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย
เข้าถึงผู้ใช้เว็บไซต์กว่า 4 ล้านคน
ให้คำปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ค้นหามาตรา อัปเดตฎีกา ครบ จบ ในที่เดียว
ในทุกๆ ชั่วโมงมีคำปรึกษาใหม่จากลูกความ ที่รอทนายตอบอยู่
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 5)พ.ศ. 2525 มาตรา 11 กับให้จำเลยคืนสร้อยคอทองคำหรือใช้ราคา3,000 บาท แก่ผู้เสียหาย

จำเลยให้การปฏิเสธ

ระหว่างการพิจารณา ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ศาลชั้นต้นอนุญาต

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 334 จำคุก 2 ปี คำรับสารภาพชั้นสอบสวนและข้อนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี 4 เดือนให้จำเลยคืนสร้อยคอทองคำหรือใช้ราคา 3,000 บาท ให้ผู้เสียหายคำขออื่นให้ยก

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์และโจทก์ร่วม

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "พิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์ร่วมไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน เมื่อโจทก์ร่วมไปถามจำเลยก็คืนกระเป๋าเงินให้โจทก์ร่วมโดยดี หากโจทก์ร่วมไม่ได้เก็บสร้อยคอทองคำไว้ในกระเป๋าเงินและหายไปจริงก็ไม่มีสาเหตุอันใดที่โจทก์ร่วมต้องไปแจ้งความและเบิกความเช่นนั้น ศาลฎีกาเชื่อว่าโจทก์ร่วมเก็บสร้อยคอทองคำไว้ในกระเป๋าเงินและหายไปจริง ปัญหาว่าหลังจากจำเลยเก็บกระเป๋าเงินได้แล้ว จำเลยได้เอาสร้อยคอทองคำของโจทก์ร่วมไปคงคืนแต่เพียงกระเป๋าเงินและเงินในกระเป๋าแก่โจทก์ร่วมหรือไม่ ข้อนี้ได้ความจากนางสมบูรณ์พยานโจทก์ว่า พยานยืนอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุ จำเลยขี่รถจักรยานสามล้อผ่านมาจึงว่าจ้างให้จำเลยบรรทุกปูนที่รถโดยสารไปโรงงาน จำเลยลงจากรถจักรยานสามล้อไปหยิบกระเป๋าเงินสีเขียวซึ่งตกอยู่บนถนนริมทางเท้าห่างจากพยานราว3 เมตร จำเลยหันข้างให้พยานและรูดซิปแล้วเก็บกระเป๋าเงินไว้ พยานถามว่า กระเป๋าอะไร จำเลยว่ากระเป๋าเปล่าไม่มีอะไร พยานบอกให้จำเลยรีบไปขนปูน จำเลยมีอาการหน้าตื่นและเดินอ้อมไปข้างรถซึ่งเป็นคนละคันกับที่พยานบอกให้ไปขนปูน ต่อมาประมาณหนึ่งอึดใจโจทก์ร่วมมาถามหากระเป๋าเงิน พยานจึงเล่าให้ฟัง เห็นว่า นางสมบูรณ์พยานโจทก์ไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน จึงไม่มีสาเหตุจะเบิกความปรักปรำจำเลย ทั้งตามสภาพและพฤติการณ์แห่งคดีก็ถือได้ว่าเป็นคนกลางที่มิได้มีส่วนได้เสียกับคดีคำเบิกความของนางสมบูรณ์จึงรับฟังเป็นความจริงได้โดยปราศจากข้อสงสัยการที่จำเลยเก็บกระเป๋าเงินของโจทก์ร่วมได้แล้วแอบเปิดดูในลักษณะปกปิดซ่อนเร้นเมื่อถูกถามก็ปฏิเสธว่าเป็นกระเป๋าเปล่า ๆ ทั้ง ๆ ที่ในกระเป๋าเงินดังกล่าวมีเงินอยู่ รวมตลอดถึงการที่จำเลยแอบเปิดซิปกระเป๋าแล้วมีอาการหน้าตื่นและเดินหลบเลี้ยวอ้อมไปข้างรถโดยไม่ไปขนปูนตามที่มีผู้ว่าจ้างนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นข้อพิรุธที่ส่อแสดงถึงความไม่สุจริตของจำเลยทั้งสิ้น ซึ่งเมื่อพิจารณาประกอบคำเบิกความของโจทก์ร่วมที่ว่า กระเป๋าเงินที่จำเลยคืนให้นั้นซิปถูกเปิดแย้มไว้ ขณะตรวจพบว่า สร้อยคอทองคำหายไป จำเลยก็ออกจากที่เกิดเหตุไปแล้ว ดังนี้ศาลฎีกาเชื่อว่า จำเลยได้เอาสร้อยคอทองคำของโจทก์ร่วมไปจริงและเหตุที่จำเลยต้องคืนกระเป๋าเงินและเงินในกระเป๋าให้แก่โจทก์ร่วมก็เพราะว่า ขณะจำเลยเก็บกระเป๋าเงินของโจทก์ร่วมได้นั้นมีนางสมบูรณ์ร่วมรู้เห็นอยู่ด้วยนั่นเอง การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานลักทรัพย์"

พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th