ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

Lawyer CTA
สมัครเป็นทนายออนไลน์ ง่ายๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย
เข้าถึงผู้ใช้เว็บไซต์กว่า 4 ล้านคน
ให้คำปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ค้นหามาตรา อัปเดตฎีกา ครบ จบ ในที่เดียว
ในทุกๆ ชั่วโมงมีคำปรึกษาใหม่จากลูกความ ที่รอทนายตอบอยู่
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ทั้งสามฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 23,035,153.35 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสาม

จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 9,505,921.93 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันที่ 19 มิถุนายน 2545 อันเป็นวันฟ้อง จนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสาม ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ทั้งสาม เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนตามทุนทรัพย์เท่าที่โจทก์ทั้งสามชนะคดี โดยกำหนดค่าทนายความ 100,000 บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

โจทก์ทั้งสามและจำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง ให้โจทก์ทั้งสามร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนจำเลย โดยกำหนดค่าทนายความรวม 150,000 บาท

โจทก์ทั้งสามฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่ฎีกาโต้เถียงกันรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2539 จำเลยทำสัญญารับจ้างก่อสร้างอาคารเรียนและอาคารประกอบ รวมจำนวน 15 รายการ ของโรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัยชัยภูมิกับกรมสามัญศึกษา โดยตกลงค่าจ้างกันจำนวน 187,380,000 บาท โดยโจทก์ที่ 1 เป็นผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยในการทำสัญญาจ้างตามสัญญาจ้างเอกสารหมาย จ. 2 โจทก์ทั้งสามก่อสร้างตามสัญญาจ้างดังกล่าวตั้งแต่งวดที่ 1 ถึงงวดที่ 5 จำเลยก่อสร้างต่อตั้งแต่งวดที่ 8 จนแล้วเสร็จ มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ทั้งสามว่า สัญญาระหว่างโจทก์ทั้งสามกับจำเลยเป็นสัญญาที่โจทก์ทั้งสามเป็นผู้รับจ้างช่วงจากจำเลยหรือจำเลยเป็นตัวแทนโจทก์ทั้งสามในการรับจ้างก่อสร้างตามสัญญาจ้างเอกสารหมาย จ. 2 เห็นว่า จำเลยให้การว่า โจทก์ที่ 1 เป็นตัวแทนจำเลยในการประมูลงานก่อสร้างอาคารเรียนของโรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัยชัยภูมิกับกรมสามัญศึกษา หากประมูลได้ โจทก์ที่ 1 ขอก่อสร้างแทนจำเลย โดยให้จำเลยหักเงิน 5 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนเงินที่ประมูลงานได้เพื่อเป็นค่าบริหาร งานก่อสร้าง ค่าใช้จ่ายส่วนกลาง และค่าซ่อมแซมความเสียหายงานก่อสร้างในระยะเวลาประกัน 2 ปี ส่วนเงิน 95 เปอร์เซ็นต์ ให้เป็นของโจทก์ที่ 1 และเมื่อก่อสร้างเสร็จ โจทก์ที่ 1 จะจ่ายเงินค่าตอบแทนให้จำเลยอีก 2 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนเงินที่ประมูลงานได้ แต่จำเลยกลับนำสืบว่า โจทก์ทั้งสามรับจ้างช่วงจากจำเลยตกลงค่าจ้างร้อยละ 95 ของค่าจ้าง โดยไม่ปรากฏรายละเอียดข้อตกลงว่า หากโจทก์ทั้งสามหรือจำเลยผิดสัญญา แต่ละฝ่ายมีสิทธิเรียกร้องและความรับผิดประการใด ทั้งที่ค่าจ้างเป็นเงินจำนวนถึง 187,380,000 บาท ส่วนที่จำเลยนำสืบว่า โจทก์ที่ 1 ให้บริษัททิพย์รังสรร จำกัด ทำสัญญารับจ้างช่วงกับจำเลยตามสัญญาจ้างเอกสารหมาย ล. 1 จำเลยก็ให้การว่า โจทก์ที่ 1 ให้บริษัททิพย์รังสรร จำกัด ซึ่งโจทก์ที่ 2 และที่ 3 เป็นกรรมการบริษัททำสัญญารับจ้างช่วงกับโจทก์ที่ 1 โดยขอให้จำเลยลงชื่อว่าจ้าง ส่วนค่าจ้างโจทก์ทั้งสามดำเนินการเอง ทั้งสัญญาจ้างเอกสารหมาย ล. 1 ทำเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2540 แต่สัญญาจ้างเอกสารหมาย จ. 2 ทำตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2539 และตามรายการสรุปรายรับ - รายจ่ายงานก่อสร้างอาคารเรียนของโรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัยชัยภูมิ เอกสารหมาย จ. 4 ระบุว่า โจทก์ที่ 1 ได้รับเงินค่างานงวดที่ 1 เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2540 จำนวน 11,242,800 บาท ก่อนมีการทำสัญญาจ้างเอกสารหมาย ล. 1 และเมื่อโจทก์ที่ 1 ก่อสร้างงานได้เพียง 5 งวด แล้วทิ้งงานไปก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยเรียกร้องให้โจทก์ที่ 1 รับผิดประการใด จึงไม่เชื่อว่าจำเลยประสงค์จะให้มีผลบังคับตามสัญญาจ้างเอกสารหมาย ล. 1 ดังที่โจทก์ทั้งสามนำสืบว่ามิได้ประสงค์จะผูกพันกันตามสัญญาจ้างเอกสารหมาย ล. 1 เพียงแต่ให้เป็นหลักฐานในการหักภาษีมูลค่าเพิ่มของจำเลย ยิ่งกว่านั้นตามรายการสรุปรายรับ - รายจ่ายเอกสารหมาย จ. 4 ดังกล่าว นางสาวธินีวรรณ พยานจำเลยซึ่งเป็นสมุห์บัญชีบริษัทจำเลยเบิกความว่า ขณะที่ทำบัญชีตามเอกสารหมาย จ. 4 ยังสรุปค่าใช้จ่ายไม่ครบถ้วน นางอารยา ได้ขอเอกสารหมาย จ. 4 ไปจากนางสาวธินีวรรณ บัญชีดังกล่าวนางสาวธินีวรรณจัดทำหลังจากก่อสร้างโรงเรียนกาญจนาภิเษก วิทยาลัยชัยภูมิเสร็จสิ้นแล้ว และนางพรทิพย์ กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยเบิกความว่า ก่อนจัดทำสรุปเสร็จสิ้นนางอารยาได้ขอถ่ายสำเนาเอกสารหมาย จ. 4 ไป ปรากฏว่าตามรายการสรุปรายรับ - รายจ่ายเอกสารหมาย จ. 4 ระบุว่า มีรายการส่วนแบ่ง 5 เปอร์เซ็นต์ ของรายรับก่อนรวมภาษีมูลค่าเพิ่มให้เคซีเป็นเงิน 9,505,921.93 บาท และมีหมายเหตุว่า คิดดอกเบี้ยรับและดอกเบี้ยจ่ายอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ทบต้นทั้งโครงการ หากโจทก์ทั้งสามเป็นผู้รับจ้างช่วงจากจำเลยโดยตกลงค่าจ้างร้อยละ 95 ของค่าจ้างที่จำเลยทำสัญญารับจ้างกับกรมสามัญศึกษาตามสัญญาจ้างเอกสารหมาย จ. 2 และโจทก์ทั้งสามก่อสร้างได้เพียงงานงวดที่ 1 ถึงงวดที่ 5 และทิ้งงาน จำเลยต้องเข้าดำเนินการก่อสร้างเองตั้งแต่งวดที่ 8 จนแล้วเสร็จดังที่จำเลยนำสืบแล้ว ไม่มีเหตุที่ต้องมีรายการส่วนแบ่ง 5 เปอร์เซ็นต์ ของรายรับดังกล่าวให้เคซีอีก ทั้งที่จำเลยอ้างว่าโจทก์ทั้งสามทำสัญญารับจ้างช่วงโดยตกลงค่าจ้างร้อยละ 95 ของค่าจ้างที่จำเลยได้รับจากกรมสามัญศึกษา และจำเลยเข้าดำเนินการก่อสร้างเองตั้งแต่งวดที่ 8 จนแล้วเสร็จ เพราะเงินส่วนแบ่ง 5 เปอร์เซ็นต์ ดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของค่าจ้างที่จำเลยได้รับจากกรมสามัญศึกษา ไม่เกี่ยวกับค่าจ้างที่โจทก์ทั้งสามจะได้รับจากจำเลย ส่วนการคิดดอกเบี้ยรับและดอกเบี้ยจ่ายอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ทบต้นทั้งโครงการนั้น นางสาวธินีวรรณเบิกความว่า จำเลยคิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีแบบทบต้นจากโจทก์นับแต่วันที่จำเลยทดรองจ่ายเงินแทนโจทก์จนถึงสิ้นโครงการ และเมื่อจำเลยได้รับเงินค่าจ้างจากกรมสามัญศึกษา จำเลยมิได้นำไปหักจากเงินที่จำเลยทดรองจ่ายแทนโจทก์ แต่นำไปลงบัญชีรายรับและคิดดอกเบี้ยให้แก่โจทก์จนถึงเสร็จสิ้นโครงการเช่นเดียวกัน เมื่อเสร็จสิ้นโครงการจึงนำดอกเบี้ยจ่าย - ดอกเบี้ยรับ มาหักกลบลบกัน หากโจทก์ทั้งสามเป็นเพียงผู้รับจ้างช่วงจากจำเลย ไม่มีเหตุที่จำเลยจะคิดดอกเบี้ยจากโจทก์ทั้งสามหรือคิดดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ทั้งสามจนถึงเสร็จสิ้นโครงการ เพราะโจทก์ทั้งสามก่อสร้างงานเพียงถึงงวดที่ 5 รายรับ - รายจ่ายในการก่อสร้างงานตั้งแต่งวดที่ 8 จนแล้วเสร็จที่จำเลยดำเนินการก่อสร้างเองจึงเป็นส่วนของจำเลยไม่เกี่ยวกับโจทก์ทั้งสาม นอกจากนี้ตามรายการสรุปรายรับ - รายจ่ายเอกสารหมาย จ. 4 แผ่นที่ 1 ปรากฏว่าโจทก์ที่ 1 ได้รับเงินค่าจ้าง 5 งวด รวมจำนวน 44,971,200 บาท แต่จำเลยได้ทดรองจ่ายแทนโจทก์ที่ 1 เป็นเงิน 88,184,882.42 บาท ตามรายการสรุปรายรับ - รายจ่ายเอกสารหมาย จ. 4 แผ่นที่ 4 เกินกว่าค่าจ้างที่โจทก์ที่ 1 ได้รับถึงประมาณ 21,000,000 บาท หากโจทก์ทั้งสามเป็นผู้รับจ้างช่วงจากจำเลยและก่อสร้างเพียงถึงงานงวดที่ 5 ไม่มีเหตุผลพอให้เชื่อว่าจำเลยจะไม่เรียกร้องเงินทดรองจ่ายส่วนที่เกินดังกล่าวคืนจากโจทก์ที่ 1 แต่จำเลยกลับนำเงินที่ทดรองจ่ายแทนโจทก์ที่ 1 ทั้งหมดไปรวมกับรายจ่ายในส่วนที่จำเลยดำเนินการก่อสร้างเองตั้งแต่งวดที่ 8 จนเสร็จโครงการอีกจำนวน 118,751,399.37 บาท รวมเป็นรายจ่ายจำนวน 182,918,281.79 บาท ดังปรากฏตามรายการสรุปรายรับ - รายจ่ายเอกสารหมาย จ. 4 แผ่นที่ 4 พฤติการณ์ดังกล่าวฟังไม่ได้ว่าโจทก์ทั้งสามเป็นผู้รับจ้างช่วงจากจำเลยในการรับจ้างก่อสร้างที่จำเลยทำสัญญารับจ้างกับกรมสามัญศึกษา ตามสัญญาจ้างเอกสารหมาย จ. 2

ส่วนการที่จำเลยมอบอำนาจให้โจทก์ที่ 1 ประมูลงานและทำสัญญารับจ้างก่อสร้างอาคารเรียนของโรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัยชัยภูมิกับกรมสามัญศึกษา และให้โจทก์ทั้งสามก่อสร้างโดยโจทก์ทั้งสามเป็นผู้ลงทุนและรับค่าจ้างในนามจำเลย หากโจทก์ทั้งสามขาดเงินทุนและจำเลยออกเงินทดรองจ่ายไป โจทก์ทั้งสามจะใช้คืนพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ก็ไม่ทำให้จำเลยกลายเป็นตัวแทนของโจทก์ทั้งสามในการทำสัญญารับจ้างก่อสร้างกับกรมสามัญศึกษา เพราะจำเลยยังคงต้องรับผิดตามสัญญาจ้างเอกสารหมาย จ. 2 ต่อกรมสามัญศึกษา ดังที่จำเลยต้องลงทุนและเข้าดำเนินการก่อสร้างเองตั้งแต่งานงวดที่ 8 จนแล้วเสร็จหลังจากที่โจทก์ทั้งสามก่อสร้างเพียงถึงงานงวดที่ 5 แล้วไม่ก่อสร้างต่อ หาใช่เพียงแต่โจทก์ทั้งสามใช้ชื่อจำเลยประมูลงานและทำสัญญาจ้างแทนโจทก์ทั้งสามดังที่โจทก์ทั้งสามนำสืบเท่านั้นไม่ จำเลยจึงไม่ใช่ตัวแทนโจทก์ทั้งสามในการรับจ้างก่อสร้างกับกรมสามัญศึกษาดังที่โจทก์ทั้งสามฎีกา แต่การที่โจทก์ทั้งสามและจำเลยต่างต้องลงทุนและก่อสร้าง และจำเลยยังต้องรับผิดตามสัญญาจ้างดังกล่าว เป็นการตกลงร่วมกันประกอบการโดยต่างได้รับผลประโยชน์ตอบแทน เป็นสัญญาต่างตอบแทน เมื่อสัญญาดังกล่าวไม่มีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายเป็นการพ้นวิสัย หรือเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 150 สัญญานี้ย่อมบังคับกันได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 149 และมาตรา 369 แม้โจทก์ทั้งสามจะฟ้องอ้างว่าจำเลยเป็นตัวแทน แต่เมื่อข้อตกลงระหว่างโจทก์ทั้งสามกับจำเลยที่โจทก์บรรยายฟ้องเป็นเรื่องโจทก์ทั้งสามกับจำเลยตกลงร่วมกันประกอบการโดยต่างได้รับผลประโยชน์ตอบแทน จึงเป็นเรื่องที่โจทก์เข้าใจข้อกฎหมายคลาดเคลื่อนไปว่าสัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาตัวแทน ศาลย่อมมีอำนาจใช้บทบัญญัติเรื่องสัญญาต่างตอบแทนบังคับแก่คดีนี้ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 134 มิใช่การพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้องอันจะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142

มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ทั้งสามต่อไปว่า จำเลยต้องรับผิดคืนเงินให้แก่โจทก์ทั้งสามหรือไม่ เพียงใด โจทก์ทั้งสามฎีกาว่า ค่าใช้จ่ายกรรมการตรวจรับงานจำนวน 438,000 บาท ค่าใช้จ่ายอาจารย์ใหญ่สำหรับถอนการค้ำประกันจำนวน 81,500 บาท และค่าเช่าเครื่องจักรจำนวน 1,938,480 บาท เป็นค่าใช้จ่ายที่จำเลยไม่ได้จ่ายจริง เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าข้อตกลงระหว่างโจทก์ทั้งสามกับจำเลยเป็นการร่วมกันประกอบการโดยต่างได้รับผลประโยชน์ตอบแทน หากมีผลกำไรหรือมีค่าใช้จ่ายก็ต้องนำมาแบ่งกันหรือรับผิดชอบร่วมกัน เมื่อโจทก์ทั้งสามอ้างว่าจำเลยไม่ได้จ่ายค่าใช้จ่ายดังกล่าว แต่โจทก์ทั้งสามไม่มีพยานหลักฐานใดมานำสืบว่าจำเลยไม่ได้จ่ายเงินจริง จึงฟังไม่ได้ดังที่โจทก์ทั้งสามฎีกา ส่วนที่โจทก์ทั้งสามฎีกาว่า โจทก์ทั้งสามกับจำเลยตกลงคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี แบบไม่ทบต้น แต่จำเลยคิดดอกเบี้ยแบบทบต้น จำเลยจึงคิดดอกเบี้ยเกินเป็นเงิน 987,202.78 บาท นั้น โจทก์ทั้งสามก็นำสืบแต่เพียงว่า จำเลยไม่ได้แสดงวิธีการคิด ไม่ได้นำสืบว่าโจทก์ทั้งสามกับจำเลยตกลงคิดดอกเบี้ยแบบไม่ทบต้น ทั้งที่รายการสรุปรายรับ - รายจ่ายเอกสารหมาย จ. 4 ระบุว่า คิดดอกเบี้ยทบต้นทั้งโครงการ จึงรับฟังไม่ได้ดังที่โจทก์ทั้งสามฎีกาเช่นเดียวกัน สำหรับเงินจำนวน 9,505,921.93 บาท ที่โจทก์ทั้งสามฎีกาว่า จำเลยหักเป็นค่าตอบแทนการใช้ชื่อจำเลยในการประมูลงาน ทั้งที่โจทก์ทั้งสามและจำเลยมิได้ตกลงเรียกเก็บนั้น ตามรายการสรุปรายรับ - รายจ่าย เอกสารหมาย จ. 4 ระบุว่าเงินจำนวนดังกล่าวเป็นส่วนแบ่งเปอร์เซ็นต์งานให้เคซี 5 เปอร์เซ็นต์ ของรายรับก่อนรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม จำเลยให้การว่า เงินจำนวนดังกล่าวเป็นค่าบริหารงานก่อสร้าง ค่าใช้จ่ายส่วนกลาง และค่าซ่อมแซมความชำรุดบกพร่องของงานก่อสร้างในระยะเวลาประกัน 2 ปี เห็นว่า รายการสรุปรายรับ - รายจ่ายเอกสารหมาย จ. 4 เป็นรายการรายรับ - รายจ่ายที่จำเลยจัดทำระบุชัดเจนว่าเงินจำนวน 9,505,921.93 บาท เป็นส่วนแบ่งเปอร์เซ็นต์งานให้เคซี จึงไม่อาจรับฟังว่าเงินจำนวนดังกล่าวเป็นค่าบริหารงานก่อสร้าง ค่าใช้จ่ายส่วนกลาง รวมทั้งค่าซ่อมแซมความชำรุดบกพร่องของงานก่อสร้างดังที่จำเลยให้การได้ ทั้งจำเลยนำสืบลอย ๆ ว่าเงินจำนวนดังกล่าวเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการ โดยนายชาญ ประธานกรรมการบริษัทจำเลยเบิกความว่า เงินจำนวนนี้เป็นค่าใช้จ่ายในโครงการ ซึ่งเป็นค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า เงินเดือนพนักงาน ปีละประมาณ 20,000,000 บาท หากข้อเท็จจริงเป็นดังที่นายชาญเบิกความดังกล่าว ก็ไม่มีเหตุผลพอให้เชื่อว่าจำเลยจะไม่นำค่าใช้จ่ายดังกล่าวไปหักเป็นรายจ่ายดังที่ปรากฏรายการค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในรายการสรุปรายรับ - รายจ่ายเอกสารหมาย จ. 4 และ ล. 17 โดยเฉพาะในรายการสรุปรายจ่ายเอกสารหมาย ล. 17 มีรายการเงินเดือน - ค่าแรงจำนวน 3,815,299 บาท เงินเดือนฝ่ายบริหาร 12 เดือน เดือนละ 50,000 บาท เป็นเงิน 800,000 บาท และในรายการสรุปรายรับ - รายจ่ายเอกสารหมาย จ. 4 ก็มีรายการประมาณการค่าซ่อมแซมงานทั้งโครงการจำนวน 1,000,000 บาท เงินส่วนแบ่งเปอร์เซ็นต์งานให้เคซีจำนวน 9,505,921.93 บาท ค่าใช้จ่ายดังกล่าวจึงไม่ใช่ค่าใช้จ่ายส่วนกลางรวมทั้งค่าซ่อมแซมความชำรุดบกพร่องของงานก่อสร้างและไม่ใช่ค่าบริหารงานก่อสร้างเพราะโจทก์ทั้งสามและจำเลยต้องร่วมกันประกอบการเพื่อผลกำไรอยู่แล้ว แต่เมื่อเงินจำนวนดังกล่าวเป็นผลกำไร โจทก์ทั้งสามกับจำเลยจึงต้องนำมาแบ่งกัน ผลกำไรดังกล่าวเกิดจากการก่อสร้างและส่งมอบงานรวม 14 งวด โจทก์ทั้งสามก่อสร้างและส่งมอบงานเพียง 5 งวด จึงควรได้รับส่วนแบ่งผลกำไรตามสัดส่วนการร่วมประกอบการของโจทก์ทั้งสาม 5 งวด ในผลกำไรจากการก่อสร้างและส่งมอบงาน 14 งวด เป็นเงิน 3,394,972.11 บาท จำเลยจึงต้องคืนเงินผลกำไรจำนวนนี้แก่โจทก์ทั้งสาม ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ทั้งสามฟังขึ้นบางส่วน

พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 3,394,972.11 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันถัดจากวันที่ 19 มิถุนายน 2545 อันเป็นวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสาม ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลแทนโจทก์ทั้งสาม เฉพาะค่าขึ้นศาลทั้งสามศาลให้ใช้แทนเท่าทุนทรัพย์ที่โจทก์ทั้งสามชนะคดีในชั้นฎีกา โดยกำหนดค่าทนายความทั้งสามศาลรวม 200,000 บาท

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา พ.1277/2551

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th