ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 กรรมการและเลขาธิการคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ได้ลงนามเพิกถอนใบอนุญาตจัดตั้งมูลนิธิชินนะปูโตอนุสรณ์ โดยไม่มีอำนาจ จำเลยที่ 2 เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ มีคำสั่งอุทธรณ์ของโจทก์โดยไม่มีอำนาจ การกระทำของจำเลยเป็นเหตุให้มูลนิธิได้รับความเสียหาย โจทก์ซึ่งดำรงตำแหน่งต่าง ๆ ในมูลนิธิได้รับความอับอายดูหมิ่นเหยียดหยาม อาจถูกฟ้องร้องค่าเสียหายได้ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2485 มาตรา 10,11, 14 พระราชบัญญัติสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2522มาตรา 5, 9, 11 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 83 ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 6 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า "ที่โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 6 ฎีกาว่า ข้อเท็จจริงเท่าที่โจทก์นำสืบฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองปฏิบัติหน้าที่และหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมายแล้วนั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่าคดีนี้ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 6 มิได้มาเบิกความด้วยตนเองมีแต่ผู้รับมอบอำนาจมาเบิกความ คำเบิกความของผู้รับมอบอำนาจจึงเป็นพยานบอกเล่า ไม่อาจรับฟังได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหาย ทั้งความเสียหายที่โจทก์กล่าวอ้างเป็นความเสียหายที่ไกลเกินคาดคิด โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 6 ไม่ได้รับความเสียหายจากการที่มูลนิธิชินนะปูโตอนุสรณ์ถูกเพิกถอนใบอนุญาต โจทก์จึงมิใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้องอันเป็นการวินิจฉัยชั้งน้ำหนักคำพยานว่าพยานบอกเล่ารับฟังไม่ได้ จึงฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหาย ซึ่งเป็นการยกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โดยฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ลงนามในคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตให้จัดตั้งมูลนิธิชินนะปูโตอนุสรณ์ และจำเลยที่ 2 ในฐานะประธานกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ สั่งยกอุทธรณ์ของโจทก์ที่ 1 ที่ 2 โดยไม่มีเจตนาทุจริต และเหตุผลต่าง ๆ ที่โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 6 อ้างอิงในอุทธรณ์ไม่ พอฟังว่าคดีของโจทก์มีมูล จึงเป็นการพิพากษายืนยกฟ้องในปัญหาข้อเท็จจริง แม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จะฟังข้อเท็จจริงต่างกัน ก็ต้องห้ามมิให้โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220 ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาของโจทก์มาเป็นการมิชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย"

พิพากษาให้ยกฎีกาของโจทก์

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา เนติบัณฑิตยสภา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th