ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าที่ดินพิพาทจากเจ้าของเดิม ครบกำหนดสัญญาเช่าแล้วจำเลยคงอยู่ต่อไปอันเป็นการเช่าโดยไม่มีกำหนดเวลา โจทก์ซื้อที่ดินดังกล่าวมาและไม่ประสงค์จะให้จำเลยเช่าอยู่ต่อไป จึงขอให้ขับไล่และใช้ค่าเสียหาย

จำเลยให้การว่า โจทก์ตกลงจะให้ค่าขนย้ายแก่จำเลยและให้อยู่ต่ออีก4 เดือน อันเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยทำเป็นบันทึกซึ่งโจทก์และตัวแทนจำเลยลงชื่อไว้เป็นหลักฐาน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง และฟ้องแย้งให้โจทก์ให้ค่าขนย้ายตามข้อตกลง

ศาลชั้นต้นรับคำให้การแต่ไม่รับฟ้องแย้ง และให้งดสืบพยานพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและให้จำเลยใช้ค่าเสียหายตามฟ้อง

จำเลยอุทธรณ์ว่า ข้อตกลงซึ่งทำเป็นบันทึกเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งผูกพันโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้สืบพยานต่อไป

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยขอให้สืบพยานต่อไปในเรื่องค่าขนย้าย อันเป็นประเด็นตามฟ้องแย้งของจำเลย ซึ่งศาลชั้นต้นสั่งไม่รับ และจำเลยไม่ได้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว จำเลยจะอุทธรณ์ในประเด็นดังกล่าวไม่ได้ พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยให้การต่อสู้ไว้ว่าโจทก์ยังไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะโจทก์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลย โดยจะให้ค่าขนย้ายแก่จำเลยและยอมให้จำเลยอยู่ในที่ดินต่ออีก 4 เดือน ดังนั้น แม้จำเลยจะไม่อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับฟ้องแย้งของจำเลยในเรื่องค่าขนย้าย คดีก็ยังมีประเด็นตามคำให้การของจำเลยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ ซึ่งจำเลยอาจอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นในประเด็นดังกล่าวได้ หาใช่เป็นการอุทธรณ์ในประเด็นเรื่องค่าขนย้ายตามฟ้องแย้งของจำเลยดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไม่ ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น

ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าควรให้สืบพยานต่อไปหรือยกฟ้องของโจทก์เสียเพราะโจทก์ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยตามบันทึกลงวันที่14 มกราคม 2517 นั้น ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยปัญหาข้อนี้ไปทีเดียวโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยอีก เห็นว่าแม้บันทึกดังกล่าวจะมีอยู่จริง แต่ก็ปรากฏตามคำให้การของจำเลยเองว่า โจทก์ยินยอมให้จำเลยอยู่ในที่ดินของโจทก์ต่ออีก 4 เดือนนับแต่วันทำสัญญาและโจทก์จำเลยตกลงจะไปทำสัญญากันในวันที่ 16 มกราคม 2517 แสดงว่าโจทก์จำเลยเจตนาจะให้สัญญาประนีประนอมยอมความ เกิดขึ้นเมื่อได้ทำสัญญานั้นแล้ว เมื่อสัญญาดังกล่าวมิได้ทำขึ้นจึงถือไม่ได้ว่ามีสัญญาต่อกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 366 วรรคสอง ข้อต่อสู้ของจำเลยว่ามีสัญญาประนีประนอมยอมความตามหลักฐานเป็นหนังสือในบันทึกลงวันที่ 14 มกราคม2517 จึงเป็นอันตกไป ศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งงดสืบพยานและพิพากษาให้จำเลยรื้อบ้านออกไป จากที่ดินของโจทก์และชดใช้ค่าเสียหายได้ ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th