ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันดูหมิ่นเจ้าพนักงานดูหมิ่นศาลและผู้พิพากษา กับละเมิดอำนาจศาล โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้ประพันธ์ จำเลยที่ 2 เป็นผู้พิมพ์แล้วจำเลยทั้งสามนำออกโฆษณาทำให้แพร่หลายไปถึงประชาชน ซึ่งเอกสารสิ่งพิมพ์ชื่อ "ฎีกาต่อคณะตุลาการ ศาลฎีกา คณะรัฐมนตรี คณะปฏิวัติ และประชาชน ทุกท่านอันเกี่ยวกับกระบวนยุติธรรมตำรวจ อัยการ ศาลยุติธรรม โดยคณะนักกฎหมายและนักนิติศาสตร์" ซึ่งมีข้อความดูหมิ่นนายจิตติ ติงศภัทิย์ ผู้ทำการแทนในตำแหน่งอธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า "…นายจิตติ ติงศภัทิย์ จัดให้ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์พิจารณาคดีและตัวนายจิตติเองมีพฤติการณ์ให้การพิพากษาคดีดังกล่าวเป็นไปโดยรวบรัด ไม่ชอบด้วยหลักยุติธรรม…." และมีข้อความดูหมิ่นศาลอาญา ศาลอุทธรณ์ และผู้พิพากษาซึ่งเป็นองค์คณะในคดีที่ศาลอาญาพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143ให้จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปี ปรับ 10,000 บาท แต่ให้รอการลงโทษจำคุกไว้ และศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอาญาดังกล่าวเป็นว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดฐานกรรโชกตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 337 ให้จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 4 ปี ว่า "ทำการวินิจฉัยโดยวิธีงุบงิบปกปิด ซ่อนเร้น เอาพยานหลักฐานของจำเลยในคดีออกเสียจากสำนวนความ
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา









