ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเกิดในราชอาณาจักรไทยเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2473 โดยเป็นบุตรของนายอำมาดาส จำปีและนางฮัดบัส กอร์ จำปี ซึ่งบิดาผู้ร้องอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่ พ.ศ. 2470 ส่วนมารดาผู้ร้องเดิมมีสัญชาติไทย เกิดที่จังหวัดน่านผู้ร้องได้อยู่ในราชอาณาจักรไทยตลอดมาจนกระทั่งเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2491 ได้สมรสกับนายอาวตาร์ ซิงห์และเปลี่ยนชื่อจากกีอัน กอร์หรือเกียน กอร์ เป็นซัดนามกอร์หลังจากนั้นสามีผู้ร้องได้พาผู้ร้องไปอยู่ที่ประเทศพม่า เพื่อประกอบการค้า ต่อมา พ.ศ. 2508 ประเทศพม่าได้เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบสังคมนิยม ผู้ร้องกับสามีจึงหลบหนีไปประเทศอินเดีย จนกระทั่ง พ.ศ. 2528 ผู้ร้องจึงเดินทางกลับประเทศไทย และมาถึงกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2528ปรากฎว่าเจ้าหน้าที่กองตรวจคนเข้าเมือง กรมตำรวจได้แจ้งว่าผู้ร้องเป็นคนต่างด้าว ให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยได้ชั่วคราวและต้องออกไปภายใน 3 เดือน ผู้ร้องจึงขอพิสูจน์สัญชาติต่อทางราชการ ต่อมาวันที่ 29 พฤษภาคม 2529 ทางการได้ยกคำร้องของผู้ร้อง ผู้ร้องเป็นคนมีสัญชาติไทยตามกฎหมายไม่เคยสละสัญชาติไทยไม่เคยถูกรัฐมนตรีสั่งเพิกถอนสัญชาติไม่เคยรับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว และไม่เคยแปลงสัญชาติเป็นคนต่างด้าว ผู้ร้องมีสิทธิอยู่ในประเทศไทย การที่กรมตำรวจยกคำร้องของผู้ร้องดังกล่าวเป็นการโต้แย้งสิทธิของผู้ร้องผู้ร้องจึงจำเป็นต้องใช้สิทธิทางศาลเพื่อขอพิสูจน์สัญชาติของผู้ร้อง ขอให้มีคำสั่งว่าผู้ร้องเป็นคนสัญชาติไทยและมีสิทธิอาศัยอยู่ในประเทศไทย

ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องมิใช่บุคคลเดียวกับเด็กหญิงกีอัน กอร์ ตามที่ปรากฎในสำเนาทะเบียนคนเกิดหากจะฟังว่าเป็นคนเดียวกันก็ปรากฎว่า เด็กหญิงกีอัน กอร์นั้นมีสัญชาติอังกฤษ เชื้อชาติซิกซ์ (อินเดีย) มิได้มีสัญชาติไทย ผู้ร้องมิใช่บุคคลมีสัญชาติไทย ผู้ร้องบรรลุนิติภาวะแล้วและได้ออกจากประเทศไทยไปอยู่ประเทศอินเดียอันเป็นประเทศสัญชาติของบิดาตั้งแต่ พ.ศ. 2508 จนถึง พ.ศ. 2528 รวมเป็นเวลา 20 ปี แล้วและตามหนังสือเดินทางก็ระบุว่าผู้ร้องได้สัญชาติของบิดาอันเป็นการฝักใฝ่อยู่ในสัญชาติของบิดาแล้วผู้ร้องจึงต้องถูกถอนสัญชาติไทยตามพระราชบัญญัติสัญชาติพ.ศ. 2508 มาตรา 17

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งว่านางกีอัน กอร์ผู้ร้องเป็นคนสัญชาติไทยและมีสิทธิอาศัยอยู่ในประเทศไทยได้

ผู้คัดค้านอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ผู้คัดค้านฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "จึงเชื่อไม่ได้ว่า ผู้ร้องเป็นคนเดียวกันกับเด็กหญิงกีอัน กอร์ ตามทะเบียนคนเกิด เอกสารหมาย ร.1 และข้อเท็จจริงได้ความจากคำของผู้ร้องเองว่าอยู่ในประเทศไทยถึงอายุ 18 ปี จึงเดินทางไปประเทศพม่ากับสามีแต่ผู้ร้องก็ไม่มีหลักฐานการเดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรมาแสดงและผู้ร้องเบิกความอีกว่าเมื่อประมาณ 4-5 ปี มาแล้วผู้ร้องเคยเดินทางกลับประเทศไทยแต่ก็ไม่ได้ขอพิสูจน์สัญชาติการขอพิสูจน์สัญชาติไทยนั้นกฎหมายให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้นั้นเป็นคนต่างด้าวจนกว่าผู้นั้นจะพิสูจน์ได้ว่าตนมีสัญชาติไทยตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองพ.ศ. 2522 มาตรา 57 ดังนั้นผู้ร้องจึงต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าตนมีสัญชาติไทย แต่พยานหลักฐานที่ผู้ร้องนำสืบมา ตามที่ได้วินิจฉัยข้างต้นนั้น ศาลฎีกาไม่เชื่อว่าผู้ร้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย"

พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th