ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 4, 5, 6, 7, 69, 74, 74 ทวิ, 74 จัตวา ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91, 137 ริบของกลาง กับให้จ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับตามกฎหมาย

ระหว่างพิจารณาจำเลยที่ 1 หลบหนี ศาลชั้นต้นออกหมายจับและจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ 1 ออกจากสารบบความชั่วคราว

จำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 69 วรรคสอง (2) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูป จำคุก 3 ปี ทางนำสืบของจำเลยที่ 2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี ข้อหาและคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก ริบของกลาง ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 3

โจทก์และจำเลยที่ 2 อุทธรณ์ สำหรับความผิดต่อเจ้าพนักงาน โจทก์อุทธรณ์โดยอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 5 รักษาการในตำแหน่งอธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลสูงภาค 5 ซึ่งอัยการสูงสุดได้มอบหมายรับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลอุทธรณ์ภาค 5 แผนกคดีสิ่งแวดล้อมพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 อีกกระทงหนึ่ง จำคุก 1 เดือน เมื่อรวมกับโทษในความผิดฐานอื่นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว เป็นจำคุก 2 ปี 1 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยที่ 2 ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาแผนกคดีสิ่งแวดล้อมวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้เป็นยุติว่า ในวัน เวลา และสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง เจ้าพนักงานร่วมกันจับกุมจำเลยที่ 1 พร้อมยึดไม้ประดู่อันยังมิได้แปรรูป 12 ท่อน ปริมาตร 9.88 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งบรรทุกอยู่บนรถบรรทุกหกล้อ คันหมายเลขทะเบียน 70-6209 เชียงใหม่ เป็นของกลาง ตามบันทึกการตรวจสอบ/ตรวจยึด-จับกุม โดยจำเลยที่ 2 เป็นผู้ว่าจ้างให้จำเลยที่ 1 ขนไม้ดังกล่าว ต่อมาจำเลยที่ 2 เข้าพบเจ้าหน้าที่ป่าไม้และแจ้งว่า ไม้ประดู่ของกลาง 12 ท่อน เป็นไม้ที่จำเลยที่ 2 ซื้อมาจาก ม. ซึ่งเป็นไม้เสาบ้านเก่าของ ม. เมื่อ ม. รื้อบ้านเก่าเพื่อสร้างบ้านใหม่ จึงได้ขายเสาไม้ประดู่ของกลางให้แก่จำเลยที่ 2

คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยสำหรับข้อหาแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งจำเลยที่ 2 ต่อสู้ว่า การแจ้งดังกล่าวเป็นการแจ้งในฐานะเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลยย่อมแจ้งอย่างใดก็ได้ไม่เป็นความผิดนั้น เห็นว่า จำเลยที่ 2 แจ้งแก่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม 2560 ซึ่งเป็นวันที่จำเลยที่ 1 ถูกจับกุมพร้อมไม้ประดู่ 12 ท่อน ของกลาง โดยแจ้งว่าไม้ของกลางเป็นไม้ที่ซื้อมาจาก ม. ขณะนั้นเจ้าพนักงานยังไม่ได้จับกุมหรือแจ้งข้อกล่าวหาแก่จำเลยที่ 2 แต่อย่างใด เพียงแต่เป็นการสอบปากคำในฐานะพยานเท่านั้น การจับกุมผู้ต้องหาในวันที่ 25 พฤษภาคม 2560 มีเพียงการจับกุมจำเลยที่ 1 เพียงผู้เดียว ไม่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 ด้วย เพิ่งมีการแจ้งข้อกล่าวหาแก่จำเลยที่ 2 ในภายหลังเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2560 ดังนั้น การที่จำเลยที่ 2 แจ้งแก่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ว่าไม้ของกลางเป็นไม้ที่ตนเองซื้อมาจาก ม. เป็นไม้เสาบ้านเก่าของ ม. ซึ่งไม่เป็นความจริง การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษามาชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 2 ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา สว.(อ)206/2562

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th