ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำผิดหลายกระทงคือ ก. มีอาวุธปืนและมีดพยายามฆ่า จ. และ ข. เมื่อทำร้าย จ. แล้วได้ร่วมกันลักปืนของ จ. ฉกฉวยเอาไปซึ่งหน้า ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 83, 288,336 ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยคนละ 33 ปี 4 เดือน ตามมาตรา 288,80, 83 กระทงหนึ่ง จำคุก 3 ปี ตามมาตรา 336 อีกกระทงหนึ่ง ริบของกลางกับให้ใช้ทรัพย์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า เฉพาะความผิดตาม มาตรา 336 จำเลยไม่ได้เจตนาร่วมกันกระทำ จำเลยที่ 1 ผู้เดียวยิง เอาปืน จ. ไป เมื่อยิง จ. แล้วจำเลยที่ 1 มีความผิดตามมาตรา 335(7) นอกจากนี้บังคับตามศาลชั้นต้นโจทก์จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า "วันเกิดเหตุเวลาประมาณ 6 นาฬิกานายจำแลง ภาสกนธ์ ผู้เสียหาย และนางสมคิด ภาสกนธ์ ภริยาผู้เสียหายกำลังเดินไปตามถนนสายเงิน ซึ่งแยกจากถนนลานสกาจะไปกรีดยางที่สวนยางของผู้เสียหาย เมื่อไปห่างบ้านที่อยู่ประมาณ 3 เส้น ผู้เสียหาย นางสมคิด ภาสกนธ์พบจำเลยที่ 1 ถือปืนลูกซองสั้น จำเลยที่ 2 ถือขวานยืนอยู่ข้างถนน ผู้เสียหายถามจำเลยที่ 1 ว่าไปไหน จำเลยที่ 1 ตอบว่าไปเที่ยว แล้วผู้เสียหายเดินผ่านไปจำเลยทั้งสองเดินตามหลังผู้เสียหายในระยะห่างประมาณ 1 ศอก โดยเดินอยู่ข้างหน้านางสมคิด ภาสกนธ์ ผู้เสียหายหลบเข้าข้างทางด้านขวามือ จำเลยที่ 1บอกให้หยุดผู้เสียหายหันไปดู จำเลยที่ 1 จ้องปืนตรงหน้าอกผู้เสียหาย ผู้เสียหายปัดปืนนั้นก็ลั่นขึ้น 1 นัด กระสุนปืนไม่ถูกผู้ใด ผู้เสียหายชักปืนสั้นจากเอวจ้องไปที่จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 แย่งปืนจากผู้เสียหาย ปืนของผู้เสียหายลั่นขึ้น 1 นัด กระสุนปืนไม่ถูกผู้ใด จำเลยที่ 1 ร้องเรียกให้จำเลยที่ 2 ช่วยจำเลยที่ 2 ซึ่งยืนคุมนางสมคิด ภาสกนธ์อยู่ ได้วิ่งไปใช้ขวานฟันถูกหน้าผู้เสียหาย 3 ครั้ง ปืนหลุดจากมือผู้เสียหาย จำเลยที่ 1 แย่งปืนได้ก็ใช้จ่อยิงตรงริมฝีปากด้านซ้าย 1 นัด กระสุนทะลุแก้มขวา ฟันข้างบนข้างล่างหักหมด ผู้เสียหายล้มลงหมดสติ จำเลยที่ 1 เอาปืนของผู้เสียหายหนีไป พร้อมกับจำเลยที่ 2" ฯลฯ

"ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(7) นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ในกระทงความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ ไม่ปรากฏว่าจำเลยกระทำผิดโดยประกอบด้วยเหตุฉกรรจ์อย่างหนึ่งอย่างใดจึงเป็นการฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 336 วรรคแรก เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ ก็ลงโทษจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 จะลงโทษตามมาตรา 335(7) ซึ่งโจทก์มิได้กล่าวอ้างมาตรานี้มาในฟ้องไม่ได้ทั้งตามมาตรา 335(7) ก็มีโทษหนักกว่ามาตรา 336 วรรคแรก ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามมาตรา 335(7) จึงเป็นการเกินคำขอไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 เทียบตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 2130/2514 ระหว่างพนักงานอัยการ กรมอัยการ โจทก์ เรือโทอำพลอยู่ยงสินธ์ จำเลย

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 กำหนดโทษในกระทงความผิดนี้จำคุก1 ปี ไม่ริบมีดตัดยางของกลาง ให้คืนเจ้าของไป นอกจากที่แก้นี้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์"

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา เนติบัณฑิตยสภา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th