สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1714/2543

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1714/2543

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 21 (4), 223, 247, 293 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 18) พ.ศ.2542 ม. 11

จำเลยยื่นคำร้องขอให้งดการบังคับคดีโดยแนบสำเนาคำฟ้องของศาลชั้นต้นตามที่จำเลยอ้างเป็นเหตุขอให้งดการบังคับคดีมาท้ายคำร้อง เมื่อศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่สมควรให้งดการบังคับคดี ก็มีอำนาจยกคำร้องโดยไม่ต้องทำการไต่สวนก่อน อันเป็นการใช้ดุลพินิจออกคำสั่งเรื่องการ งดการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 293

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 293 วรรคสาม ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 18) พ.ศ. 2542 และ มีผลใช้บังคับก่อนเวลาที่จำเลยยื่นฎีกา บัญญัติให้คำสั่งของศาลชั้นต้น ตามมาตรา 293 นี้เป็นที่สุด จำเลยจึงไม่มีสิทธิฎีกา

เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีสืบเนื่องมาจากศาลฎีกามีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2539ให้จำเลยชำระเงินตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีและสัญญากู้เงินรวม 30,000,000บาทเศษ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18 ต่อปี นับแต่วันที่ 5 สิงหาคม 2526จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่จำเลยไม่ชำระ โจทก์จึงบังคับคดีโดยนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลย เพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์

จำเลยยื่นคำร้องว่า จำเลยได้ยื่นฟ้องโจทก์ในข้อหาร่วมกับบุคคลอื่นทำละเมิดต่อจำเลย เรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 300,000,000 บาทเศษ ตามคดีหมายเลขดำที่ 4365/2541 ของศาลชั้นต้น คดีอยู่ระหว่างพิจารณา หากจำเลยเป็นฝ่ายชนะคดีดังกล่าวจะหักกลบลบหนี้กันได้ โดยไม่ต้องมีการขายทอดตลาดหรือจำหน่ายทรัพย์สินของจำเลยด้วยวิธีอื่น และการงดการบังคับคดีไว้ไม่น่าจะเป็นที่เสียหายแก่โจทก์ ขอให้มีคำสั่งงดการบังคับคดีไว้จนกว่าคดีดังกล่าวจะถึงที่สุด

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ไม่สมควรให้งดการบังคับคดี ยกคำร้อง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยฎีกาว่า ศาลชั้นต้นต้องไต่สวนคำร้อง ขอให้งดการบังคับคดีของจำเลยเสียก่อนจึงจะมีคำสั่งได้ และคำร้องขอให้งดการบังคับคดีของจำเลยมีเหตุรับฟังได้ว่าหากมีการไต่สวนคำร้องแล้วจะปรากฏข้อเท็จจริง อันเป็นเหตุให้งดการบังคับคดีได้ พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า จำเลยยื่นคำร้องขอให้งดการบังคับคดีโดยแนบสำเนาคำฟ้องคดีหมายเลขดำที่ 4365/2541 ของศาลชั้นต้นตามที่จำเลยอ้างเป็นเหตุขอให้งดการบังคับคดีมาท้ายคำร้องศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว เห็นว่าไม่สมควรให้งดการบังคับคดี เป็นการใช้ดุลพินิจออกคำสั่งเรื่องการงดการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 293 แม้จะมีการไต่สวนคำร้อง จำเลยก็ไม่สามารถอ้างข้อเท็จจริงอื่นนอกเหนือจากคำร้องมาไต่สวนได้ การที่จำเลยฎีกาขอให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของจำเลยก็เพื่อให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งใหม่ให้งดการบังคับคดี จึงเป็นฎีกาคัดค้านดุลพินิจของศาลชั้นต้นที่เห็นว่าไม่สมควรให้งดการบังคับคดี ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 293 วรรคสาม ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 18) พ.ศ. 2542 และมีผลใช้บังคับก่อนเวลาที่จำเลยยื่นฎีกา บัญญัติให้คำสั่งของศาลชั้นต้นตามมาตรา 293 นี้เป็นที่สุดจำเลยจึงไม่มีสิทธิฎีกาคัดค้านต่อไปตามบทกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

พิพากษายกฎีกาจำเลย คืนค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกาทั้งหมดแก่จำเลย

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - ธนาคาร กรุงเทพฯพาณิชย์การ จำกัด จำเลย - นาง ชวนศรีหรือหทัยจิต วีระรัตน์หรือโกศลนาวิน

ชื่อองค์คณะ สมศักดิ์ เนตรมัย ระพินทร บรรจงศิลป ม.ล.ไกรฤกษ์ เกษมสันต์

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE