สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1715/2545

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1715/2545

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 59, 90, 91 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 212, 225 พระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510 ม. 46, 72, 73, 88, 88 ทวิ, 111, 117, 119, 122, 124

ความผิดฐานผลิต ขาย และมีไว้เพื่อขายซึ่งยาแผนโบราณโดยไม่ได้รับใบอนุญาตฐานผลิต ขาย และมีไว้เพื่อขายซึ่งยาแผนโบราณที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาและฐานผลิตขาย และมีไว้เพื่อขายซึ่งยาแผนโบราณอันเป็นยาปลอมนั้น ยาแผนโบราณที่จำเลยผลิตขาย และมีไว้เพื่อขายดังกล่าวล้วนเป็นจำนวนเดียวกัน และถูกยึดไว้เป็นของกลางในคราวเดียวกันโดยมีเจตนาเดียวกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษฐานขายยาแผนโบราณปลอมตามพระราชบัญญัติยาฯมาตรา 117 วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90

ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยในความผิดฐานขายยาแผนโบราณปลอมต่ำกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กฎหมายบัญญัติไว้ แต่โจทก์มิได้อุทธรณ์ฎีกาในปัญหานี้ ศาลฎีกาเห็นสมควรปรับบทลงโทษจำเลยให้ถูกต้อง แต่ไม่อาจกำหนดโทษในความผิดฐานขายยาแผนโบราณปลอมให้สูงกว่าโทษที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามาเพราะจะเป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลย ซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 ประกอบด้วยมาตรา 225

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 มาตรา 4, 46, 72,73, 88, 88 ทวิ, 111, 117, 119, 122, 124, 126 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33,83, 91 และริบของกลางทั้งหมด

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510มาตรา 46 วรรคหนึ่ง, 72(1)(4) วรรคหนึ่ง, 73, 88 วรรคหนึ่ง, (ที่ถูก มาตรา 88 ทวิ ด้วย)111, (ที่ถูก มาตรา 117 วรรคหนึ่งด้วย), 119 วรรคหนึ่ง, 122, 124 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานโฆษณาขายยาโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ปรับ20,000 บาท ฐานขายยาแผนโบราณโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจำคุก 1 ปี ฐานขายยาแผนโบราณที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา จำคุก 6 เดือน ฐานขายยาแผนโบราณปลอม จำคุก 2 ปี รวมจำคุก 3 ปี 6 เดือน ปรับ 20,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี 9 เดือน และปรับ 10,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบของกลางทั้งหมด (ที่ถูกริบของกลางทั้งหมดให้แก่กระทรวงสาธารณสุข)

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่าสมควรรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยหรือไม่ เห็นว่า ตามรายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยของพนักงานคุมประพฤติปรากฏว่า เจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดหนองคายเคยนำยาที่จำเลยผลิตไปตรวจสอบแล้ว ไม่ปรากฏว่าเป็นอันตรายต่อร่างกาย จึงให้จำหน่ายยาต่อไปได้ เพียงแต่ห้ามไม่ให้มีการโฆษณาเท่านั้น จำเลยประกอบอาชีพโดยสุจริตมาโดยตลอด นิสัยและความประพฤติโดยทั่วไปไม่ปรากฏข้อเสียหายร้ายแรง ประกอบกับไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงมีเหตุสมควรปรานีให้โอกาสจำเลยโดยรอการลงโทษจำคุกไว้ ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยฟังขึ้นแต่เพื่อให้จำเลยหลาบจำและเพื่อประโยชน์ในการแก้ไขเปลี่ยนแปลงตนเองของจำเลยสมควรลงโทษปรับจำเลยอีกสถานหนึ่งและกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติของจำเลยไว้ด้วย

อนึ่ง ความผิดฐานผลิต ขาย และมีไว้เพื่อขาย ซึ่งยาแผนโบราณโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ฐานผลิต ขาย และมีไว้เพื่อขาย ซึ่งยาแผนโบราณที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาและฐานผลิต ขาย และมีไว้เพื่อขาย ซึ่งยาแผนโบราณอันเป็นยาปลอมนั้น ยาแผนโบราณที่จำเลยผลิต ขาย และมีไว้เพื่อขายดังกล่าวล้วนเป็นจำนวนเดียวกันและถูกเจ้าพนักงานยึดไว้เป็นของกลางในคราวเดียวกันโดยมีเจตนาเดียวกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษฐานขายยาแผนโบราณปลอมตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 มาตรา 117 วรรคหนึ่ง ระวางโทษจำคุกตั้งแต่3 ปีถึงตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 10,000 บาท ถึง 50,000 บาท ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ที่ศาลล่างทั้งสองเรียงกระทงลงโทษจำเลยในความผิดดังกล่าวข้างต้นจึงไม่ถูกต้อง ปัญหานี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยจะมิได้ฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นแก้ไขให้ถูกต้องได้และที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยในความผิดฐานขายยาแผนโบราณปลอมโดยวางโทษจำคุกจำเลย 2 ปี ก่อนลดโทษให้แก่จำเลยนั้น เป็นการลงโทษจำคุกต่ำกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กฎหมายบัญญัติไว้ แต่โจทก์มิได้อุทธรณ์ฎีกาในปัญหานี้ ศาลฎีกาเห็นสมควรปรับบทลงโทษจำเลยให้ถูกต้องแต่ไม่อาจกำหนดโทษในความผิดฐานขายยาแผนโบราณปลอมให้สูงกว่าโทษที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามา เพราะจะเป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 ประกอบด้วยมาตรา 225"

พิพากษาแก้เป็นว่า เฉพาะความผิดฐานผลิต ขาย และมีไว้เพื่อขาย ซึ่งยาแผนโบราณโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ฐานผลิต ขาย และมีไว้เพื่อขาย ซึ่งยาแผนโบราณที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา และฐานผลิต ขาย และมีไว้เพื่อขาย ซึ่งยาแผนโบราณอันเป็นยาปลอม การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานขายยาแผนโบราณปลอมตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 มาตรา 117 วรรคหนึ่งซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 2 ปีและปรับ 20,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี และปรับ 10,000 บาท เมื่อรวมกับโทษปรับในความผิดฐานโฆษณาขายยาโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายตามคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองอีก 10,000 บาท แล้ว เป็นจำคุก1 ปี และปรับ 20,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 3 ปี และกำหนดเงื่อนไขคุมความประพฤติของจำเลยโดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุกระยะ 4 เดือน จนกว่าจะครบ 2 ปี ให้จำเลยละเว้นการประพฤติใดอันอาจนำไปสู่การกระทำความผิดในทำนองเดียวกันนี้อีก กับให้จำเลยกระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติและจำเลยเห็นสมควรมีกำหนด 30 ชั่วโมง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการประจำศาลจังหวัดบึงกาฬ จำเลย - นาง ประสาน นามวงศ์

ชื่อองค์คณะ พูนศักดิ์ จงกลนี ปัญญา สุทธิบดี กุลพัชร์ อิทธิธรรมวินิจ

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th