ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีนี้เนื่องจากโจทก์ฟ้องและจำเลยยอมความ ยอมใช้หนี้ให้โจทก์ซึ่งศาลได้พิพากษาตามยอมแล้ว แต่จำเลยไม่ชำระโจทก์ยื่นคำร้องว่าจำเลยไม่มีทรัพย์สินอื่นใดที่จะยึดมาชำระหนี้ ขณะนี้จำเลยเป็นลูกจ้างของการรถไฟแห่งประเทศไทย สังกัดโรงงานการรถไฟแผนกช่างกลฝ่ายช่างปรับ ทำงานอยู่โรงงานรถไฟอำเภอทุ่งสง มีรายได้ชั่วโมงละ 3 บาท 95 สตางค์ รวมเป็นเดือนราว 1,200 บาท และจำเลยยังมีเงินทุนสงเคราะห์ซึ่งการรถไฟฯ หักไว้เป็นรายเดือน ขอให้ศาลสั่งอายัดเงินทุนสงเคราะห์และเงินส่วนได้ของจำเลย ให้ผู้ว่าการรถไฟส่งเงินรายได้ของจำเลยมายังศาลเดือนละ 600 บาท เพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษา

ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องว่า ตามคำร้องนี้อายัดไม่ได้ เพราะต้องห้ามตามมาตรา 286(2) ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งยกคำร้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยมีฐานะเป็นคนงานของรัฐบาล รายได้หรือเงินเดือนของจำเลยไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีที่โจทก์ขออายัดเงินทุนสงเคราะห์ไม่ปรากฏว่าเงินจำนวนนี้ถึงกำหนดจ่ายแล้ว จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยมีสิทธิเรียกร้องเงินรายนี้ พิพากษายืน

แต่มีความเห็นแย้งของรองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยไม่ใช่คนงานของรัฐบาล

โจทก์ฎีกาต่อมา

คดีมีปัญหาว่า จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างของการรถไฟแห่งประเทศไทยจะถือได้หรือไม่ว่าเป็นคนงานของรัฐบาลตามความหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 286(2)

ศาลฎีกาวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 286 เป็นข้อยกเว้นความผิดแห่งการบังคับคดี ซึ่งเจ้าหนี้ตามคำพิพากษามีสิทธิเหนือทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาตามหลักการตีความข้อยกเว้นนั้นจะต้องตีความโดยเคร่งครัด จำเลยในคดีนี้เป็นลูกจ้างของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งก่อตั้งเป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2494 ไม่ขึ้นอยู่ในกระทรวงทบวงกรมใดของรัฐบาล มีคณะกรรมการคณะหนึ่งประกอบด้วยประธานกรรมการและกรรมการไม่เกินหกคนเป็นผู้มีหน้าที่ วางนโยบายและควบคุมดูแลโดยทั่วไป และผู้ว่าการฯ มีอำนาจ แต่งตั้ง ถอดถอน เลื่อนขั้น หรือลดขั้นเงินเดือนของพนักงานการรถไฟฯ รัฐมนตรีมีอำนาจหน้าที่เพียงกำกับโดยทั่วไปเท่านั้น หามีอำนาจร่วมจัดกิจการและควบคุมดูแลโดยตรงไม่ แม้ในกิจการบางอย่างพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2494 จะบัญญัติให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบหรือขอความเห็นชอบ ก็เป็นเพียงวิธีการควบคุมคณะกรรมการในการบริหารกิจการการรถไฟฯ นอกจากนี้การรถไฟฯ ยังจัดทำงบประมาณประจำปีของตนเองไม่รวมอยู่ในงบประมาณแผ่นดินรายได้ที่ได้รับในปีหนึ่ง การรถไฟฯ จะหักเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับดำเนินงานค่าภาระต่าง ๆ ตลอดจนเงินสำรองและเงินลงทุนเสียก่อน หากมีเหลือจะนำส่งเป็นรายได้ของรัฐ แม้กิจการรถไฟจะเคยขึ้นอยู่กับกรมรถไฟกระทรวงคมนาคมมาก่อน และการรถไฟฯ ได้รับโอนกิจการมาจัดดำเนินการเพื่อประโยชน์แห่งรัฐและประชาชนแต่การที่มีกฎหมายแยกกิจการรถไฟออกเป็นนิติบุคคลต่างหาก ย่อมแสดงอยู่ในตัวว่าเป็นการแยกการรถไฟแห่งประเทศไทยออกจากรัฐบาลเป็นเอกเทศต่างหาก โดยให้มีสิทธิและหน้าที่ในการดำเนินกิจการเป็นอิสระ หากรัฐประสงค์จะคุ้มครองการรถไฟฯ หรือลูกจ้างเป็นพิเศษ ก็จะต้องบัญญัติกฎหมายไว้โดยชัดแจ้ง ดังที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2494 มาตรา 13 ว่า "ทรัพย์สินของการรถไฟแห่งประเทศไทยย่อมไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี" จำเลยนี้เป็นลูกจ้างของการรถไฟฯ ซึ่งผู้ว่าการฯ มีอำนาจแต่งตั้ง ถอดถอนเลื่อนหรือลดขั้นเงินเดือนและรับรายได้เป็นเดือนจากงบประมาณของการรถไฟฯ มิใช่จากเงินจัดสรรงบประมาณเหมือนข้าราชการและลูกจ้างของรัฐบาล จำเลยจึงหาใช่เป็นคนงานของรัฐบาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 286(2) ไม่ แม้การรถไฟจะต้องนำเงินที่เหลือจากใช้จ่ายส่งเป็นรายได้ของรัฐ และรัฐจะต้องจ่ายเงินสนับสนุนก็ดีหรือแม้พระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทยพ.ศ. 2494 มาตรา 18 จะบัญญัติให้พนักงานของการรถไฟแห่งประเทศไทยเป็นเจ้าพนักงานตามความหมายแห่งกฎหมายลักษณะอาญาก็ดี ก็หามีผลทำให้ฐานะลูกจ้างของการรถไฟฯ กลับกลายเป็นคนงานของรัฐบาลไปได้ไม่

เมื่อจำเลยมิใช่คนงานของรัฐบาล เงินเดือนหรือค่าจ้างของจำเลยจึงตกอยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 286(3) ส่วนที่เกินกว่าเดือนละสี่สิบบาท ย่อมอยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี ศาลฎีกาได้พิเคราะห์ตามพฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นสมควรกำหนดให้อายัดเงินค่าจ้างของจำเลยให้การรถไฟฯ ส่งมาชำระหนี้ให้โจทก์เดือนละ 400 บาท ส่วนเงินทุนสงเคราะห์ซึ่งโจทก์อ้างว่าการรถไฟฯ หักเงินรายได้ของจำเลยไว้เป็นรายเดือนนั้น โจทก์มิได้กล่าวในคำร้องหรือส่งระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับเงินประเภทนี้ให้ศาลทราบว่าขณะนี้จำเลยมีสิทธิเรียกร้องเงินประเภทนี้ได้อย่างไรบ้างจึงยังไม่มีเหตุสมควรที่จะสั่งให้อายัดเงินทุนสงเคราะห์ของจำเลย

พิพากษาแก้ ให้อายัดเงินค่าจ้างของจำเลยเดือนละ 400 บาท

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th