สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1723/2545

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1723/2545

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 207 (เดิม)

การที่โจทก์ยื่นฟ้องแล้วมีการส่งหมายเรียก สำเนาคำฟ้องแก่จำเลยตามหลักฐานทะเบียนบ้าน ซึ่งถือว่าเป็นภูมิลำเนาตามกฎหมายโดยผลการส่งหมายได้ความจากมารดาจำเลยว่า บ้านจำเลยมีแต่บ้านเลขที่ทางทะเบียน ไม่มีตัวบ้านจึงไม่สามารถส่งหมายแก่จำเลยตามภูมิลำเนาที่ปรากฏในทะเบียนบ้านได้ ศาลจึงอนุญาตตามคำขอของโจทก์ให้ส่งโดยวิธีอื่นแทน โดยประกาศให้จำเลยยื่นคำให้การแก้คดีและแจ้งวันนัดสืบพยานโจทก์ให้จำเลยทราบทางหนังสือพิมพ์ กรณีดังกล่าวถือว่าได้มีการส่งหมายเรียกสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว จำเลยเองก็ยอมรับในคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ว่าจำเลยย้ายที่อยู่โดยไม่แจ้งย้ายภูมิลำเนาในทะเบียนบ้าน จึงไม่อาจทราบได้ว่าจำเลยยึดถือเอาถิ่นที่อยู่ใดเป็นภูมิลำเนาของจำเลยตามกฎหมาย เมื่อมีการประกาศหนังสือพิมพ์ให้จำเลยทราบวันยื่นคำให้การแก้คดีและวันนัดสืบพยานโจทก์แล้ว จำเลยไม่ยื่นคำให้การแก้คดีภายในกำหนดและไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ จึงถือว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ไม่อาจขอให้มีการพิจารณาใหม่ได้

เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 5,847,326.18 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 24 ต่อปี ของต้นเงิน 5,137,876.88 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิจารณาสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 5,137,876.88 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 19 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2540 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์

จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ อ้างว่าบ้านอันเป็นภูมิลำเนาของจำเลยตามฟ้องได้ถูกรื้อทิ้งไปก่อนที่โจทก์จะยื่นฟ้องคดีนี้นานแล้ว ซึ่งโจทก์ทราบที่อยู่ของจำเลยในกรุงเทพมหานครตามที่ระบุไว้ในสัญญาระหว่างโจทก์จำเลย แต่จำเลยไม่ได้แจ้งย้ายทะเบียนบ้าน เมื่อพนักงานเดินหมายนำหมายไปส่งให้จำเลยที่ภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้าน จำเลยจึงไม่ทราบเรื่องการส่งหมายเรียกให้จำเลยโดยวิธีประกาศหนังสือพิมพ์ก็เป็นการประกาศในหนังสือพิมพ์เฉพาะกิจซึ่งไม่ได้มีจำหน่ายทั่วไป จำเลยจึงไม่ทราบว่าถูกฟ้อง จำเลยมีข้อต่อสู้หลายประการซึ่งหากจำเลยมีโอกาสสู้คดีแล้ว จำเลยจะไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามฟ้อง

โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า จำเลยทราบดีว่าถูกฟ้อง แต่จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

ในวันนัดไต่สวนคำร้องนัดแรกและนัดที่สอง ทนายจำเลยขอเลื่อนคดี ต่อมาในวันนัดที่สามเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2542 ทนายจำเลยแถลงว่าตัวจำเลยไปธุระต่างจังหวัด มาศาลไม่ได้ ทนายจำเลยประสงค์ที่จะเบิกความด้วยตนเอง ศาลชั้นต้นเห็นว่า ที่อ้างว่าตัวจำเลยเดินทางไปธุระต่างจังหวัด ไม่ปรากฏว่าเป็นธุระสำคัญประการใดอันเป็นเหตุให้มาศาลไม่ได้ ทั้งที่ฝ่ายจำเลยทราบกำหนดนัดแล้วและการมาศาลก็เป็นธุระสำคัญเช่นเดียวกัน ส่วนที่ทนายจำเลยจะเข้าเบิกความด้วยตนเองนั้น ทนายจำเลยแถลงว่าจะเบิกความเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ได้ไปสอบถามมาจากบุคคลต่าง ๆ แต่ทนายจำเลยไม่มีเอกสารหรือพยานอื่นใดที่จะอ้างส่งในวันนี้เนื่องจากเอกสารบางฉบับยังอยู่ที่ตัวจำเลย เห็นว่า ทนายจำเลยไม่ใช่พยานในประเด็นสำคัญแห่งคดี พฤติการณ์เป็นการประวิงคดีให้ล่าช้า จึงไม่อนุญาตให้เข้าเบิกความและเมื่อไม่มีพยานอื่นมาศาลจึงมีคำสั่งให้งดสืบพยานจำเลย เมื่อจำเลยไม่มีพยานมาสืบให้เห็นว่าการขาดนัดเป็นไปโดยไม่จงใจ จึงฟังว่าจำเลยขาดนัดโดยจงใจ ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ

จำเลยอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวของศาลชั้นต้น

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า? คดีมีข้อพิจารณาในประการสุดท้ายว่า จำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาหรือไม่ เห็นว่า เมื่อโจทก์ยื่นฟ้องแล้วมีการส่งหมายเรียก สำเนาคำฟ้องแก่จำเลยตามหลักฐานทะเบียนบ้าน ซึ่งถือว่าเป็นภูมิลำเนาตามกฎหมาย ผลการส่งหมายได้ความจากมารดาจำเลยว่าบ้านจำเลยมีแต่บ้านเลขที่ทางทะเบียน ไม่มีตัวบ้าน จึงไม่สามารถส่งหมายแก่จำเลยตามภูมิลำเนาที่ปรากฏในทะเบียนบ้านได้ ศาลจึงอนุญาตตามคำขอของโจทก์ให้ส่งโดยวิธีอื่นแทน โดยประกาศให้จำเลยยื่นคำให้การแก้คดีและแจ้งวันนัดสืบพยานโจทก์ให้จำเลยทราบทางหนังสือพิมพ์ กรณีดังกล่าวถือว่าได้มีการส่งหมายเรียกสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว จำเลยเองก็ยอมรับในคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ว่าจำเลยย้ายที่อยู่โดยไม่แจ้งย้ายภูมิลำเนาในทะเบียนบ้าน จึงไม่อาจทราบได้ว่าจำเลยยึดถือเอาถิ่นที่อยู่ใดเป็นภูมิลำเนาของจำเลยตามกฎหมาย เมื่อมีการประกาศหนังสือพิมพ์ให้จำเลยทราบวันยื่นคำให้การแก้คดีและวันนัดสืบพยานโจทก์แล้ว จำเลยไม่ยื่นคำให้การแก้คดีภายในกำหนดและไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ จึงถือว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ย่อมไม่อาจขอให้มีการพิจารณาคดีใหม่ได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำร้องจำเลย ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - บริษัทหลักทรัพย์ธนชาติ จำกัด จำเลย - นางสมบูรณ์ แพงพิศาล

ชื่อองค์คณะ วิรัช ลิ้มวิชัย ทองหล่อ โฉมงาม จิระวรรณ ศิริบุตร

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ - นายปณัฐ สมบูรณสิน ศาลอุทธรณ์ - นายวิเชียร มงคล

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th