ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2496 เวลากลางวันจำเลยบังอาจสมคบกันใช้อาวุธ ล่อลวงและฉุดคร่านางเลี่ยนซึ่งมิใช่ภริยาจำเลยไปเพื่อการอนาจาร แล้วจำเลยที่ 1 บังอาจกอดปล้ำพยายามข่มขืนกระทำชำเรานางเลี่ยน จำเลยที่ 2 เฝ้าเหตุการณ์เพื่อให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 เหตุเกิดที่ตำบลปากคลอง อำเภอปทิวจังหวัดชุมพร นางเลี่ยนได้ร้องทุกข์ขอให้เจ้าพนักงานฟ้องจำเลย จึงขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 243, 276 และริบมีดโกนของกลาง

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นเชื่อว่าจำเลยทั้งสองได้กระทำผิดดังโจทก์หา ต้องด้วยกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 243, 276, 60, 63 ให้จำคุกจำเลยคนละ 3 ปี มีดโกนของกลางเป็นของจำเลยที่ 1 แต่ไม่ปรากฏว่าได้ใช้ในการกระทำผิด ให้คืนเจ้าของไป

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานกระทำอนาจาร ต้องด้วยกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 246 ให้จำคุกจำเลยคนละ 6 เดือน นอกจากที่แก้นี้คงเป็นไปตามเดิม

โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามฟ้อง

ศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนและประชุมปรึกษาคดีนี้ ทางพิจารณาได้ความว่า นางเลี่ยนผู้เสียหายเป็นภริยานายจำลอง เมื่อวันโจทก์หาผู้เสียหายได้ไปเยี่ยมนางจ่างมารดาซึ่งอยู่ต่างตำบล เพราะวันนั้นมีงานสนุกที่บ้านนางจ่าง เวลาประมาณ 15.00 นาฬิกา จำเลยทั้งสองซึ่งรู้จักกับผู้เสียหายมาก่อนได้ไปบอกผู้เสียหายว่า นายจำลองสามีให้ผู้เสียหายกลับบ้านพร้อมกับจำเลยในวันนี้ ผู้เสียหายเชื่อจึงไปกับจำเลยโดยดี ซึ่งน่าจะเป็นความจริง เพราะโจทก์มิได้อ้างนายจำลองสามีผู้เสียหายมาสืบให้เห็นว่า ความจริงไม่ได้ใช้ให้จำเลยไปรับผู้เสียหาย ฉะนั้น จะหาว่าจำเลยสมคบกันใช้อาวุธล่อลวงและฉุดคร่าผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารจึงฟังไม่ขึ้น เมื่อผู้เสียหายเดินทางไปกับจำเลยประมาณครึ่งชั่วโมง ผู้เสียหายว่าจำเลยที่ 1ผู้เดียวได้กอดบั้นเอวผู้เสียหายและพูดว่า วันนี้ขอกอดสักที ผู้เสียหายร้องจำเลยที่ 1 ผลักผู้เสียหายล้มและปลดกระดุมกางเกงขึ้นคร่อมหน้าอกผู้เสียหาย ๆ ร้อง จำเลยที่ 1 บีบคอจนร้องไม่ออก จำเลยที่ 2 ไปยืนดูต้นทางห่าง 3 วา แล้วจำเลยที่ 2 ร้องว่า คนมา จำเลยทั้งสองก็หนีไป ผู้เสียหายได้เล่าเรื่องให้นายเล็กกับพวกฟังและไปแจ้งความแก่นายน้อยผู้ใหญ่บ้านว่า จำเลยทั้งสองปลุกปล้ำมิได้พูดถึงเรื่องข่มขืนกระทำชำเราเลย จึงเชื่อข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 เพียงแต่ได้กระทำอนาจารแก่ผู้เสียหายตามความเห็นศาลอุทธรณ์เท่านั้น รูปคดียังไม่ถึงพยายามข่มขืนกระทำชำเราดังฎีกาโจทก์ส่วนจำเลยที่ 2 เพียงช่วยดูต้นทางให้จำเลยที่ 1 อันเป็นการอุปการะแก่จำเลยที่ 1 ในการกระทำความผิด จึงมีความผิดเพียงฐานผู้สมรู้ในความผิดฐานกระทำอนาจารเท่านั้น ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น

จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 246 ประกอบด้วยมาตรา 65 ให้จำคุกจำเลยที่ 2 เพียง 4 เดือน นอกจากนี้คงเดิม

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th