ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยชำระค่าจ้างว่าความเป็นเงิน100,000 บาท แก่โจทก์

จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "พิเคราะห์แล้ว ที่โจทก์ฎีกาว่าเอกสารหมาย จ.1 จำเลยได้ทำมอบให้โจทก์ฝ่ายเดียวซึ่งโจทก์ชอบที่จะรับเอาข้อเสนอแต่เพียงบางส่วนได้การเรียกค่าจ้างในอัตราร้อยละ 10 ของจำนวนทุนทรัพย์ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน โจทก์ชอบที่จะฟ้องจำเลยเรียกเงินจำนวน 100,000 บาท นี้ได้ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 988/2507 นั้น เห็นว่า จากคำฟ้องและคำเบิกความของโจทก์ประกอบเอกสารหมาย จ.1 คดีฟังได้ว่า เมื่อจำเลยว่าจ้างให้โจทก์ฟ้องบริษัททิพย์ช้าง จำกัด เป็นคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 493/2531ของศาลชั้นต้นนั้นได้มีการตกลงกันว่าจำเลยจะต้องจ่ายค่าจ้างให้แก่โจทก์ในอัตราร้อยละ 10 ปัญหาว่าค่าจ้างว่าความอัตราร้อยละ 10 นั้นโจทก์จำเลยตกลงให้คำนวณจากจำนวนทุนทรัพย์ที่ฟ้องหรือคำนวณจากจำนวนเงินที่จำเลยได้รับตามคำพิพากษาดังที่ระบุไว้ในเอกสารหมาย จ.1โจทก์เบิกความว่า จำเลยตกลงจะให้ค่าจ้างร้อยละ 10 ของจำนวนทุนทรัพย์ที่ฟ้อง แต่นายวิชัย สมสวัสดิ์ พยานโจทก์เบิกความว่า เอกสารหมายจ.1 เป็นสัญญาที่จำเลยจ้างโจทก์ให้เป็นทนายความฟ้องบริษัททิพย์ช้าง จำกัด และโจทก์เบิกความว่า โจทก์เป็นผู้ให้จำเลยทำเอกสารหมาย จ.1 เมื่อจำเลยถอนโจทก์ออกจากการเป็นทนายความดังนั้น เอกสารหมาย จ.1 นี้แม้จะทำขึ้นหลังจากโจทก์ว่าความให้จำเลยแล้ว แต่ก็เป็นการทำขึ้นเพื่อให้มีหลักฐานเป็นหนังสือว่าตกลงค่าจ้างกันเป็นจำนวนเงินเท่าใด เอกสารฉบับนี้มิได้เป็นเพียงข้อเสนอของจำเลยดังที่โจทก์ฎีกา ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์รับจ้างว่าความให้จำเลยโดยตกลงกันว่าจำเลยจะต้องจ่ายค่าจ้างให้แก่โจทก์อัตราร้อยละ 10 ของจำนวนเงินที่จำเลยได้รับตามคำพิพากษาจึงเป็นสัญญาจ้างว่าความโดยวิธีแบ่งเอาส่วนจากทรัพย์สินที่เป็นมูลพิพาทอันจะพึงได้แก่ลูกความ อันมีวัตถุประสงค์ขัดต่อพระราชบัญญัติ ทนายความ พ.ศ. 2508 มาตรา 41 ประกอบพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. 2477 มาตรา 12(2) ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับในขณะตกลงทำสัญญากันจึงตกเป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 113 เดิม (มาตรา 150 ที่แก้ไขใหม่) แม้ต่อมาจะได้มีพระราชบัญญัติ ทนายความ พ.ศ. 2528 ยกเลิกกฎหมายข้างต้นแล้วก็ไม่ทำให้สัญญาซึ่งเป็นโมฆะแต่ต้นกลับสมบูรณ์ขึ้นแต่อย่างใดดังนี้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าจ้างว่าความจากจำเลยได้คำพิพากษาฎีกาที่โจทก์อ้างมานั้น ข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกฟ้องชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น"

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th