ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสาม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 84, 86, 90, 91, 157, 161, 162, 177, 179, 180 และ 181

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูลเฉพาะจำเลยที่ 1ให้ประทับฟ้อง จำเลยอื่นให้ยกฟ้อง

จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157, 161 กระทงหนึ่ง ซึ่งเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามมาตรา 157 ซึ่งเป็นบทหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จำคุก 2 ปี และมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา177 วรรคสอง ประกอบมาตรา 181 อีกกระทงหนึ่ง ให้จำคุก 1 ปี รวม2 กระทง ให้จำคุก 3 ปี ข้อหาอื่นให้ยก

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัย "… โจทก์มิได้ปลอมลายมือชื่อผู้ขายที่ดินตามสัญญาซื้อขาย ครั้นเมื่อโจทก์ถูกจับกุมในวันที่ 14 สิงหาคม2527 จึงไม่มีเหตุผลที่โจทก์จะให้การรับสารภาพดังที่ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.3 เมื่อได้ตรวจเอกสารหมาย จ.3 โดยละเอียดแล้วข้อความที่ระบุว่าสอบถามผู้ต้องหาแล้วให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ปรากฏว่าตัวอักษรมีขนาดเล็กกว่าข้อความอื่น แสดงว่าเป็นข้อความที่เขียนสอดแทรกขึ้นมาใหม่ มิใช่เขียนในคราวเดียวกันข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ข้อความดังกล่าวไม่เป็นความจริงและจำเลยที่ 1 ได้เขียนขึ้นภายหลังที่โจทก์ได้ลงลายมือชื่อในบันทึกการจับกุมดังกล่าวแล้ว เมื่อจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าพนักงานตำรวจที่ทำการจับกุมโจทก์ มีทำหน้าที่ทำและกรอกข้อความในบันทึกการจับกุมเอกสารหมาย จ.3 ได้ทำและกรอกข้อความลงในบันทึกการจับกุมนั้นโดยลงลายมือชื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้ทำบันทึก พร้อมทั้งให้โจทก์ในฐานะผู้ต้องหาลงลายมือชื่อจนเป็นเอกสารที่ครบถ้วนบริบูรณ์แล้วการที่จำเลยที่ 1 ไปเขียนเติมข้อความอีกว่าสอบถามผู้ต้องหาแล้วให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาจึงเป็นการเติมข้อความในเอกสารที่แท้จริง น่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ อันเป็นการทำเอกสารปลอมขึ้นบางส่วนโดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่นั้นแล้ว การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161 ส่วนข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 นั้นเห็นว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าพนักงานตำรวจมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการจับกุมผู้กระทำความผิด ได้จับกุมโจทก์ในข้อหาปลอมเอกสารแต่กรอกข้อความเพิ่มเติมลงในบันทึกจับกุมเอกสารหมาย จ.3 ว่า สอบถามโจทก์แล้วให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาทั้งที่ทราบว่าข้อความดังกล่าวไม่เป็นความจริง จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบโดยมีเจตนาเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ เพราะบันทึกการจับกุมดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานอย่างหนึ่งที่ศาลอาจฟังลงโทษโจทก์ได้ การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ประการต่อมาว่าจำเลยที่ 1กระทำความผิดฐานเบิกความเท็จหรือไม่ ก่อนวินิจฉัยข้อเท็จจริงในปัญหาดังกล่าวได้ตรวจคำฟ้องของโจทก์แล้ว โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 เบิกความว่า "ข้าพเจ้าเข้าไปแสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานและขอจับกุมโดยแสดงหมายจับให้จำเลยที่ 1 ดูด้วย ข้าพเจ้าแจ้งข้อหาจำเลยฐานปลอมเอกสารตามข้อความในหมายจับ จำเลยให้การรับสารภาพ" ซึ่งเป็นความเท็จและเป็นข้อสำคัญในคดี โจทก์หาได้บรรยายฟ้องว่า ข้อที่จำเลยที่ 1 เบิกความเท็จเป็นข้อสำคัญในคดีอย่างไรฟ้องโจทก์จึงขาดการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยที่ 1 ได้กระทำความผิดเท่าที่จะทำให้จำเลยที่ 1 เข้าใจข้อหาได้ดี ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) ไม่อาจลงโทษจำเลยที่ 1 ในข้อหานี้ได้ ไม่จำต้องวินิจฉัยข้อเท็จจริงตามที่โจทก์ฎีกาอีกต่อไป ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ประการสุดท้ายมีว่าในวันที่จำเลยที่ 1 เบิกความโจทก์มิได้มาซักค้านเพราะโจทก์จำวันเวลานัดของศาลผิดไป โจทก์ยื่นคำร้องขออนุญาตซักค้าน ศาลชั้นต้นยกคำร้องของโจทก์ จึงขอให้ศาลฎีกากลับคำสั่งของศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์ซักค้านพยานปากนี้นั้น เห็นว่า เมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว โจทก์มิได้อุทธรณ์ในข้อที่ศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจสั่งยกคำร้องของโจทก์ดังกล่าว อันเป็นการโต้แย้งในปัญหาข้อเท็จจริง โจทก์เพิ่งกล่าวอ้างขึ้นมาในชั้นฎีกา จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคแรก ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย"

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ 161 ซึ่งเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 157 ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90จำคุก 2 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th