ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ต่อมาโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 33464 พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 4 และผู้คัดค้าน เพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้ตามคำพิพากษา

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้บุริมสิทธิจำนองจากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 33464 พร้อมสิ่งปลูกสร้างซึ่งจำเลยที่ 4 และผู้คัดค้านได้จดทะเบียนจำนองที่ดินดังกล่าวไว้กับผู้ร้องในวงเงินจำนอง 10,300,000 บาท เพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ตามสัญญากู้เงินสินเชื่อที่อยู่อาศัยจำนวน 5,300,000 บาท และสัญญากู้เงินสินเชื่อ Home for Cash จำนวน 5,000,000 บาท ก่อนเจ้าหนี้อื่น

ผู้คัดค้านและจำเลยที่ 4 ยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

ผู้ร้องฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังเป็นยุติว่า เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2562 ผู้คัดค้านและจำเลยที่ 4 ร่วมกันกู้ยืมเงินผู้ร้อง 2 รายการ ตามสัญญากู้เงินสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อรีไฟแนนซ์ จำนวน 5,300,000 บาท และสัญญากู้เงินสินเชื่อ Home for Cash จำนวน 5,000,000 บาท กำหนดผ่อนชำระเงินต้นและดอกเบี้ยตามสัญญากู้สินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อรีไฟแนนซ์ทุกเดือน เดือนละไม่น้อยกว่า 31,000 บาท ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2562 เป็นต้นไปให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 15 กรกฎาคม 2591 และกำหนดผ่อนชำระเงินต้นและดอกเบี้ยตามสัญญากู้เงินสินเชื่อ Home for Cash ทุกเดือน เดือนละไม่น้อยกว่า 29,200 บาท ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2562 เป็นต้นไปให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 15 กรกฎาคม 2591 ต่อมามีการตกลงเปลี่ยนตารางการผ่อนชำระเป็นตั้งแต่เดือนกันยายน 2562 ถึงเดือนกรกฎาคม 2565 ผ่อนชำระไม่น้อยกว่าเดือนละ 21,800 บาท หลังจากนั้นผ่อนชำระเดือนละไม่น้อยกว่า 29,200 บาท ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 15 กรกฎาคม 2591 ทั้งนี้ ผู้คัดค้านและจำเลยที่ 4 จดทะเบียนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 33464 พร้อมสิ่งปลูกสร้าง เพื่อประกันการชำระหนี้เงินกู้ทั้งสองสัญญาดังกล่าวในวงเงินจำนองจำนวน 10,300,000 บาท

คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า ผู้ร้องมีสิทธิขอรับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้อื่นหรือไม่ เห็นว่า ได้ความจากทางนำสืบของผู้ร้องว่า โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีแพ่งกรุงเทพมหานคร 5 กรมบังคับคดี ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 33464 พร้อมสิ่งปลูกสร้างเลขที่ 39/127 มีชื่อจำเลยที่ 4 และผู้คัดค้านเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ อันเป็นทรัพย์หลักประกันที่จำเลยที่ 4 และผู้คัดค้านได้นำมาจดทะเบียนจำนองเป็นประกันหนี้ตามสัญญากู้เงินสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อรีไฟแนนซ์และสัญญากู้เงินสินเชื่อ Home For Cash ต่อมาวันที่ 11 มิถุนายน 2563 สำนักงานบังคับคดีแพ่ง กรุงเทพมหานคร 5 กรมบังคับคดี มีหนังสือขอให้ผู้ร้องส่งต้นฉบับโฉนดที่ดินและหนังสือสัญญาจำนองต่อเจ้าพนักงานบังคับคดี ภายในวันที่ 11 กรกฎาคม 2563 และให้ผู้ร้องแถลงวิธีการขายต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีว่าประสงค์จะให้ขายโดยปลอดการจำนองหรือขายโดยการจำนองติดไป ซึ่งสัญญากู้เงินทั้งสองฉบับดังกล่าวมีข้อตกลงในข้อ 7 ว่า "…เมื่อมีเหตุการณ์หนึ่งเหตุการณ์ใดดังต่อไปนี้ ให้ถือว่าเป็นเหตุผิดนัดผิดสัญญานี้…" และข้อ 7.6 ว่า "ผู้กู้เป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว หรือถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด… หรือถูกเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจตามกฎหมายยึดหรืออายัดทรัพย์สินใด ๆ ของผู้กู้…" ทั้งตามหนังสือสัญญาต่อท้ายหนังสือสัญญาจำนองที่ดินเป็นประกัน ข้อ 8 ก็ระบุว่า "ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้นด้วยข้อกรรมสิทธิ์ของผู้จำนองในที่ดิน และทรัพย์จำนองนี้เมื่อใด หรือกรณีทรัพย์จำนองถูกเจ้าหนี้อื่นบังคับยึดไว้ ผู้รับจำนองมีสิทธิที่จะเรียกให้ผู้จำนองชำระหนี้และบังคับจำนองโดยจะปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด" ดังนี้ การที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 33464 พร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว จึงเป็นการยึดตามหมายบังคับคดีอันเป็นกรณีที่จำเลยที่ 4 และผู้คัดค้านถูกเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจตามกฎหมายยึดทรัพย์สิน ซึ่งถือเป็นเหตุผิดนัดผิดสัญญาตามสัญญากู้เงิน ข้อ 7 ทั้งสองฉบับ และเป็นกรณีทรัพย์จำนองถูกเจ้าหนี้อื่นบังคับยึดไว้ ผู้ร้องในฐานะผู้รับจำนองจึงมีสิทธิที่จะเรียกให้จำเลยที่ 4 และผู้คัดค้านชำระหนี้จำนองได้ตามหนังสือสัญญาต่อท้ายหนังสือสัญญาจำนองที่ดินเป็นประกัน ข้อ 8 แม้ผู้ร้องมิได้บอกกล่าวบังคับจำนองไปยังจำเลยที่ 4 และผู้คัดค้านก่อนก็ตาม แต่การยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองโดยขอให้นำเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองมาชำระหนี้จำนองแก่ผู้ร้องก่อนเจ้าหนี้รายอื่นนั้นเป็นการร้องขอตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 324 (1) (ข) มิใช่เป็นการฟ้องบังคับจำนองโดยวิธีทั่วไป เพราะทรัพย์จำนองดังกล่าวได้ถูกโจทก์ดำเนินการบังคับคดียึดไว้แล้ว ทั้งการที่ผู้ร้องร้องขอรับชำระหนี้จำนองก็เป็นการร้องขอเข้ามาตามสิทธิที่กฎหมายบัญญัติรับรองไว้ในฐานะที่แตกต่างกัน เมื่อผู้ร้องมิได้ขอให้ยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 728 ผู้ร้องจึงไม่ต้องบอกกล่าวบังคับจำนองก่อน เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยที่ 4 และผู้คัดค้านผิดนัดผิดสัญญาแล้ว และผู้ร้องยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองก่อนเอาทรัพย์จำนองนั้นออกขายทอดตลาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 324 (1) (ข) ผู้ร้องจึงชอบที่จะได้รับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้รายอื่น ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของผู้ร้องฟังขึ้น

พิพากษากลับเป็นว่า ให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้จากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 33464 พร้อมสิ่งปลูกสร้างเลขที่ 39/127 ก่อนเจ้าหนี้รายอื่น ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา พ.146/2567

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th