คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1818/2556
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. 224 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 249
ที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดดอกเบี้ยให้โจทก์ในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นั้น โจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่า โจทก์เรียกดอกเบี้ยในอัตราดังกล่าวได้โดยอาศัยสิทธิใด แต่เมื่อหนี้ที่จำเลยทั้งสองค้างชำระเป็นหนี้เงินและจำเลยทั้งสองผิดนัดชำระหนี้แล้ว โจทก์จึงมีสิทธิได้รับดอกเบี้ยตาม ป.พ.พ. มาตรา 224 วรรคหนึ่ง ในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี การที่ศาลชั้นต้นกำหนดอัตราดอกเบี้ยให้จำเลยทั้งสองรับผิดในอัตราสูงกว่าอัตราที่โจทก์มีสิทธิได้รับตามกฎหมาย อันเป็นการกำหนดให้จำเลยทั้งสองรับผิดเกินกว่าความรับผิดตามกฎหมาย เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยทั้งสองย่อมมีสิทธิยกปัญหาดังกล่าวขึ้นอ้างในชั้นฎีกาได้ตาม ป.วิ.พ มาตรา 249 วรรคสอง
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองเพิกถอนการทำนิติกรรมโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 3721 และ 3722 ตำบลหอคำ อำเภอบึงกาฬ จังหวัดหนองคาย โดยให้จำเลยทั้งสองออกค่าใช้จ่าย กรณีจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนา หากจำเลยทั้งสองไม่สามารถจดทะเบียนเพิกถอนการโอนที่ดินให้ได้ ให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าที่ดินให้แก่โจทก์เป็นเงิน 300,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเงิน 300,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 9 กรกฎาคม 2552) จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ 10,000 บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 4 จำเลยที่ 1 ถึงแก่ความตาย ศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้จัดการมรดกของจำเลยที่ 1 เข้าเป็นคู่ความแทน
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า …ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า โจทก์และจำเลยทั้งสองไม่ได้ตกลงกันเรื่องดอกเบี้ย การที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดดอกเบี้ยให้โจทก์ในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จึงสูงเกินไปนั้น เห็นว่า โจทก์ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่าโจทก์เรียกดอกเบี้ยในอัตราดังกล่าวได้โดยอาศัยสิทธิใด โจทก์จึงไม่อาจคิดดอกเบี้ยผิดนัดในอัตราดังกล่าวได้ เมื่อหนี้ที่จำเลยทั้งสองค้างชำระเป็นหนี้เงินและจำเลยทั้งสองผิดนัดชำระหนี้แล้ว โจทก์จึงมีสิทธิได้รับดอกเบี้ยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 วรรคหนึ่ง ในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 300,000 บาท นับแต่วันฟ้องซึ่งเป็นวันที่โจทก์ขอมาเป็นต้นไป สำหรับที่โจทก์ตั้งประเด็นมาในคำแก้ฎีกาว่า จำเลยทั้งสองไม่ได้คัดค้านปัญหาดังกล่าวมาก่อน การที่ศาลชั้นต้นกำหนดดอกเบี้ยให้ตามอัตราดังกล่าวจึงชอบแล้วนั้น เห็นว่า การที่ศาลชั้นต้นกำหนดอัตราดอกเบี้ยให้จำเลยทั้งสองรับผิดในอัตราที่สูงกว่าอัตราที่โจทก์มีสิทธิได้รับตามกฎหมาย อันเป็นการกำหนดให้จำเลยทั้งสองรับผิดเกินกว่าความรับผิดตามกฎหมาย เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยทั้งสองย่อมมีสิทธิยกปัญหาดังกล่าวขึ้นอ้างในชั้นฎีกาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคสอง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาในเรื่องอัตราดอกเบี้ยมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา พ.2202/2555
แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ชื่อคู่ความ โจทก์ - นางอนงค์ แซ่โง้ว จำเลย - พันเอกไพศาล คำสุพรหม โดยนายสหพร คำสุพรหมผู้เข้าเป็นคู่ความแทน กับพวก
ชื่อองค์คณะ วิรุฬห์ แสงเทียน ฉัตรไชย จันทร์พรายศรี วรงค์พร จิระภาค
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน ศาลจังหวัดบึงกาฬ - นายจิระศักดิ์ จันทร์สว่าง ศาลอุทธรณ์ภาค 4 - นายชัยพร สมบุญวงค์