สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1834/2545

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1834/2545

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 145, 271

ที่ดินพิพาทอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมโจทก์มีอำนาจดำเนินการได้ตามพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 ซึ่งทางราชการไม่อาจออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่ผู้ใดได้ แต่เจ้าพนักงานที่ดินซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายที่ดินมีหน้าที่ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการตามปกติเท่านั้น เมื่อโจทก์มิได้ฟ้องเจ้าพนักงานที่ดินเป็นจำเลย โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจขอให้บังคับคดีแก่เจ้าพนักงานที่ดินให้ระงับการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้จำเลยได้

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2534 มีพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่อำเภอนางรอง อำเภอประโคนชัย และกิ่งอำเภอพลับพลาชัย อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ โดยให้ที่ดินในท้องที่ดังกล่าวภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาเป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. 2534 ใช้บังคับ โจทก์จึงมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินซึ่งกำหนดให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดินดังกล่าว เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2538 จำเลยทั้งสามนำหลักฐานแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) เลขที่ 30 หมู่ที่ 5 ตำบลสะเดา อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ เนื้อที่ 41 ไร่ ไปยื่นคำขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ต่อสำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรอง เจ้าพนักงานที่ดินรับคำขอไว้สอบสวนและดำเนินการตามคำขอของจำเลยทั้งสาม โจทก์คัดค้านว่าที่ดินที่จำเลยทั้งสามยื่นคำขอออกหนังสือรับรองทำประโยชน์ไม่ตรงกับที่ดินตามแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) แต่เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรอง สอบสวนเปรียบเทียบแล้วมีคำสั่งให้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่จำเลยทั้งสาม การที่จำเลยทั้งสามยื่นคำขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์และเจ้าพนักงานที่ดิน จังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรอง มีคำสั่งให้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์แก่จำเลยทั้งสามเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ เพราะที่ดินแปลงดังกล่าวตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์แล้วตามกฎหมาย เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้มีคำสั่งห้ามเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรอง ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่จำเลยทั้งสามและเพิกถอนคำขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของจำเลยทั้งสาม

จำเลยทั้งสามให้การว่า เดิมที่ดินพิพาทเป็นของนายปอด หมั่นดำบิดานายสนั่น หมั่นดำ ได้ครอบครองทำประโยชน์มาประมาณ 40 ปีแล้วจำเลยทั้งสามซื้อที่ดินพิพาทจากนายสนั่น และได้ครอบครองทำประโยชน์ต่อจากนายสนั่นตลอดมาจนถึงปัจจุบันเมื่อปี 2538 จำเลยทั้งสามได้ยื่นคำขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์เจ้าพนักงานที่ดินดำเนินการไต่สวนแล้วเห็นว่าอยู่ในหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่จะออกหนังสือแสดงสิทธิได้ตามประมวลกฎหมายที่ดินจึงแจ้งให้โจทก์ทราบ โจทก์คัดค้านว่าเป็นที่ดินคนละแปลงกันเจ้าพนักงานที่ดินไต่สวนแล้วมีความเห็นว่าที่ดินพิพาทเป็นแปลงเดียวกับที่ดินที่จะออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์โจทก์ไม่มีอำนาจคัดค้านการออกหนังสือแสดงสิทธิของจำเลยทั้งสาม ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะประเด็นสุดท้าย ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์และจำเลยทั้งสามตามประเด็นดังกล่าวแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "คงมีปัญหามาสู่การวินิจฉัยของศาลฎีกาตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์จะขอให้ศาลพิพากษาบังคับเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์สาขานางรอง ให้ระงับการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์สำหรับที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยทั้งสามโดยมิได้ฟ้องผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวเป็นจำเลยได้หรือไม่ เห็นว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคหนึ่งบัญญัติว่า … คำพิพากษาหรือคำสั่งใด ๆ ให้ถือว่าผูกพันคู่ความในกระบวนพิจารณาของศาลที่พิพากษาหรือมีคำสั่ง…เว้นแต่ที่บัญญัติไว้ในมาตรา 145วรรคสอง(1) และ (2) ทั้งนี้ เพื่อคุ้มครองบุคคลภายนอกมิให้ถูกบังคับในเรื่องที่ตนมิได้เป็นคู่ความและไม่มีโอกาสเข้ามาดำเนินกระบวนพิจารณาด้วย เมื่อโจทก์ไม่ได้ฟ้องเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรอง เป็นจำเลยโจทก์ก็ไม่อาจขอให้บังคับคดีแก่เจ้าพนักงานดังกล่าวซึ่งบุคคลนอกคดีได้ข้อที่โจทก์ฎีกาว่า หากข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่ดินพิพาทอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินโจทก์ย่อมมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้น และมีผลให้เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์สาขานางรอง ต้องระงับการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่จำเลยทั้งสาม โจทก์ชอบที่จะขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์สาขานางรอง ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่จำเลยทั้งสามได้นั้นเหตุผลที่โจทก์ยกขึ้นอ้างในฎีกาเป็นคนละเรื่องกันกับปัญหาที่มาสู่ศาลฎีกาเพราะถ้าข้อเท็จจริงได้ความว่าที่ดินพิพาทอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินที่โจทก์มีอำนาจดำเนินการได้ตามพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 ซึ่งทางราชการไม่อาจออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่ผู้ใดได้ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรอง ซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายที่ดินย่อมมีหน้าที่ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายอันเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการตามปกติ หาใช่เป็นการถูกบังคับให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาไม่ เมื่อโจทก์มิได้ฟ้องเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรอง เป็นจำเลยต่อศาล โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจขอให้บังคับคดีแก่เจ้าพนักงานดังกล่าวได้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้ยกคำขอของโจทก์ที่ประสงค์ให้บังคับแก่เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรอง ซึ่งเป็นบุคคลนอกคดีจึงชอบแล้ว"

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา เนติบัณฑิตยสภา

ชื่อคู่ความ โจทก์ - สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม จำเลย - นาง ลี ชื่นชมแสง กับพวก

ชื่อองค์คณะ กำพล ภู่สุดแสวง วสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ สุรชาติ บุญศิริพันธ์

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th