สารบัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1845/2540

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1845/2540

ประมวลกฎหมายอาญา ม. 56 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม. 185 พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 ม. 20, 21

จำเลยให้การรับสารภาพศาลชั้นต้นบันทึกคำพิพากษาไว้ในแบบบันทึกคำฟ้องคำรับสารภาพคำพิพากษาซึ่งเป็นแบบพิมพ์คำฟ้องด้วยวาจาว่า"จำเลยผิดตามฟ้องรับลดกึ่งหนึ่งแล้วลงโทษจำคุก6เดือน"จึงชัดแจ้งแล้วว่าเมื่อศาลลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่งแล้วคงลงโทษจำเลย6เดือน จำเลยใช้อาวุธมีดขนาดใหญ่ใบมีดยาว19เซนติเมตรกว้าง5เซนติเมตรด้ามมีดยาว53.5เซนติเมตรฟันบริเวณศีรษะอันเป็นอวัยวะส่วนสำคัญของผู้เสียหายมีบาดแผลยาว8.10เซนติเมตรเมื่อผู้เสียหายล้มจำเลยยังฟันซ้ำอีกแต่ด้ามมีดถูกแขนผู้เสียหายพฤติการณ์แห่งคดีร้ายแรงจึงไม่รอการลงโทษให้จำเลย

เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2538 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยใช้มีดขอขนาดความยาวใบมีด 19 เซนติเมตรกว้าง 5 เซนติเมตร และมีด้ามยาว 53.5 เซนติเมตร เป็นอาวุธฟันนายทศพร ทาวรัตน์ ผู้เสียหายถูกบริเวณศีรษะ 1 ครั้งผู้เสียหายล้ม แล้วจำเลยฟันซ้ำอีก 1 ครั้ง แต่ด้ามมีดถูกบริเวณแขนผู้เสียหาย เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย เหตุเกิดที่ตำบลหนองหลัก อำเภอชุมพวง จังหวัดนครราชสีมาเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้พร้อมด้วยมีดขอเป็นของกลางขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295, 33 และริบของกลาง

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ให้จำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน ริบของกลาง

จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษ

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการแรกว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า "จำเลยผิดตามฟ้อง รับลดกึ่งหนึ่งแล้ว ลงโทษจำคุก 6 เดือน ริบของกลาง" โดยไม่ได้กำหนดโทษที่จะลงแก่จำเลยเสียก่อน แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ได้กำหนดโทษที่จะลงแก่จำเลยเสียเองโดยพิพากษาความว่า "ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ให้จำคุก1 ปี" คำพิพากษาของศาลชั้นต้นจึงไม่ชัดแจ้งในบทลงโทษนั้น เห็นว่าตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงพ.ศ. 2499 มาตรา 21 บัญญัติว่า "ให้ศาลแขวงดำเนินการพิจารณาโดยเร็ว คำสั่งหรือคำพิพากษาจะกระทำด้วยวาจาก็ได้แต่ให้ทำบันทึกไว้พอได้ใจความ" คดีนี้จำเลยให้การรับสารภาพศาลชั้นต้นบันทึกคำพิพากษาไว้ในแบบบันทึกคำฟ้อง คำรับสารภาพคำพิพากษา ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ มาตรา 20 ซึ่งเป็นแบบพิมพ์คำฟ้องด้วยวาจาว่า "จำเลยผิดตามฟ้องรับลดกึ่งหนึ่งแล้ว ลงโทษจำคุก 6 เดือน" จึงชัดแจ้งแล้วว่า เมื่อศาลลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่งแล้วคงลงโทษจำเลย 6 เดือน ดังนั้นก่อนลดโทษจำเลยต้องรับโทษ 1 ปี

ปัญหาต่อไปมีว่าสมควรรอการลงโทษให้จำเลยหรือไม่ เห็นว่าจำเลยได้ใช้อาวุธมีดขนาดใหญ่ ใบมีดยาว 19 เซนติเมตรกว้าง 5 เซนติเมตร ด้ามมีดยาว 53.5 เซนติเมตร ฟันบริเวณศีรษะอันเป็นอวัยวะส่วนสำคัญของผู้เสียหายมีบาดแผลยาว 8-10เซนติเมตร เมื่อผู้เสียหายล้มจำเลยยังฟันซ้ำอีกแต่ด้ามมีดถูกแขนผู้เสียหาย พฤติการณ์แห่งคดีร้ายแรง ศาลล่างทั้งสองไม่รอการลงโทษให้จำเลยเหมาะสมแก่รูปคดีแล้วศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของจำเลยทั้งสองข้อฟังไม่ขึ้น"

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา nan

แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ชื่อคู่ความ โจทก์ - พนักงานอัยการประจำศาลแขวงนครราชสีมา จำเลย - นาย วิรัตน์ พึ่งสมศักดิ์

ชื่อองค์คณะ ชวลิต ศรีสง่า ไพโรจน์ คำอ่อน วิเทพ ศิริพากย์

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ตัดสิน nan

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th
ติดต่อเราทาง LINE