ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นบริษัทจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายโจทก์มอบอำนาจให้นางสุรณีย์ ไชยอนันต์ ฟ้องและดำเนินคดีแทน จำเลยกับโจทก์ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยโจทก์ยินยอมให้จำเลยเช่าที่ส่วนหนึ่งของโจทก์เพื่อประกอบกิจการค้าอาหารจนถึงสื้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๒๖ และจำเลยต้องชำระค่าเช่าให้โจทก์เดือนละ ๔,๐๐๐ บาท หากถึงกำหนดแล้ว จำเลยไม่ออกจากที่พิพาทยอมให้โจทก์ปรับเป็นเงินวันละ ๕๐๐ บาท ครั้นถึงกำหนดแล้วจำเลยไม่ยอมออกจากที่พิพาท ทำให้โจทก์เสียหายคิดเท่าค่าปรับวันละ ๕๐๐ บาท นับตั้งแต่วันครบกำหนดตามสัญญาจนถึงวันฟ้องเป็นเวลา ๑๐๐ วัน เป็นเงิน ๕๐,๐๐๐ บาท ขอให้บังคับจำเลยและบริวารออกจากที่พิพาทและใช้ค่าเสียหาย

จำเลยให้การว่า โจทก์มิได้เป็นนิติบุคคล เพราะมิได้จดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย โจทก์ไม่มีสิทธิมอบอำนาจให้นางสุรณีย์ ไชยอนันต์ฟ้อง ลายมือชื่อผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจไม่ใช่ลายมือชื่อที่แท้จริง จำเลยกับโจทก์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันจริง แต่จำเลยมิได้ผู้เช่าที่พิพาทจากโจทก์ ไม่มีสิทธิทำสัญญาดังกล่าว จำเลยลงลายมือชื่อในสัญญาโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ สัญญาประนีประนอมยอมความจึงไม่มีผลบังคับ โจทก์ไม่เคยบอกกล่าวให้จำเลยและบริวารออกจากที่พิพาท ค่าเสียหายที่โจทก์เรียกสูงเกินไป ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นกึ่งให้จำเลยนำสืบก่อน ถึงวันนัดโจทก์แถลงข้ออ้างส่งเอกสารหนังสือมอบอำนาจ หนังสือรับรองการเป็นนิติบุคคลของโจทก์ สัญญาประนีประนอมยอมความ และหนังสือบอกกล่าวให้ออกจากที่พิพาท ศาลชั้นต้นรับไว้หมาย จ.๑ ถึง จ.๔ ตามลำดับ และเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ จึงมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้ววินิจฉัยว่าจำเลยให้การรับว่าทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ จำเลยจึงต้องผูกพันตามสัญญานั้น ข้อต่อสู้ของจำเลยที่ว่าสัญญาดังกล่าวไม่มีผลบังคับฟังไม่ได้และโจทก์เสียหายเท่ากับค่าปรับตามสัญญา พิพากษาให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่พิพาท และให้จำเลยชำระค่าเสียหายตามฟ้อง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์จำเลยต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้จำเลยยื่นคำให้การปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์เป็นประเด็นไว้หลายประการ โดยต่อสู้ว่าโจทก์มิได้เป็นนิติบุคคล เพราะไม่ได้จดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย โจทก์ไม่มีสิทธิมอบอำนาจให้นางสุรณีย์ ไชยอนันต์ ฟ้องคดีแทน ลายมือชื่อผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจมิใช่ลายมือชื่อที่แท้จริงสัญญาประนีประนอมยอมความไม่มีผลบังคับเพราะจำเลยมิใช่ผู้เช่าที่พิพาทจากโจทก์ จำเลยลงลายมือชื่อในสัญญาโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และค่าเสียหายที่โจทก์เรียกสูงเกินไปซึ่งจำเลยย่อมมีสิทธินำสืบต่อสู้ตามประเด็นดังกล่าวได้ เพียงแต่โจทก์อ้างส่งเอกสารเป็นพยานโดยมิได้มีพยานบุคคลมานำสืบประกอบโดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับเอกสารหมาย จ.๑ และ จ.๓ จึงจะฟังเป็นจริงตามเอกสารดังกล่าวยังไม่ได้ และจำเลยก็มีสิทธินำสืบหักล้างเอกสารเหล่านั้นได้ ดังนั้นศาลชั้นต้นจึงสมควรที่จะให้โจทก์จำเลยนำสืบพยานในประเด็นแห่งคดีดังกล่าวให้สิ้นกระแสความเสียก่อน การที่ศาลชั้นต้นด่วนสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยเสียนั้น จึงทำให้ข้อเท็จจริงในคดีไม่กระจ่างชัดแจ้งพอที่จะวินิจฉัยคดีได้

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th