ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์เป็นลูกจ้างประจำ จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยโจทก์ไม่ได้รับกระทำผิด ไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้มีคำสั่งให้จำเลยรับโจทก์ เข้าทำงานในตำแหน่งและอัตราค่าจ้างเดิมเสมือนมิได้มีการเลิกจ้าง และให้จำเลยจ่ายค่าจ้างให้โจทก์ทุก ๆ เดือนจนกว่าจะรับโจทก์กลับเข้าทำงาน ถ้าจำเลยไม่สามารถรับโจทก์กลับเข้าทำงาน ให้จำเลยจ่ายค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าเสียหายแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า โจทก์ขาดประสิทธิภาพในการทำงาน ดื่มสุรา เมาอาละวาดภายในบริเวณโรงงานและหลับนอนในขณะปฏิบัติหน้าที่หลายครั้ง และกระทำผิดตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 47(2) และ (3)และข้อบังคับระเบียบเกี่ยวกับการทำงาน และคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายจงใจทำให้บริษัทเสียหาย ซึ่งจำเลยได้ตักเตือนเป็นหนังสือแล้ว จำเลยจึงไม่ต้องจ่าค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ขอให้ยกฟ้อง

ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า และค่าเสียหายแก่โจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า โจทก์ฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของบริษัท 2 ครั้ง ครั้งแรก นอนหลับในขณะปฏิบัติหน้าที่ ครั้งที่ 2 ดื่มสุราแล้วเมาอาละวาดภายในบริเวณโรงงาน หัวหน้าแผนกได้ตักเตือนแล้วทั้งสองครั้งปรากฏตามเอกสารหมาย ล.1 และ ล.2 ซึ่งมีข้อความส่วนใหญ่เช่นเดียวกันแตกต่างกันเฉพาะการกระทำผิด คืด หมาย ล.1 "นอนหลับในขณะปฏิบัติหน้าที่"หมาย ล.2 "ดื่มสุราแล้วเมาอาละวาดภายในบริเวณโรงงาน" ข้อความอื่นมีดังนี้"ข้าพเจ้านายแสงมณี โพยนอก ขอยอมรับว่า (นอนหลับในขณะปฏิบัติหน้าที่,ดื่มสุราแล้วเมาอาละวาดภายในบริเวณโรงงาน) ซึ่งเป็นการผิดระเบียบข้อบังคับของบริษัทฯ จากเหตุการณ์ครั้งนี้ข้าพเจ้ายินดีรับผิดและยอมรับในการตักเตือนด้วยวาจาจากผู้บังคับบัญชาแล้ว" และลงชื่อผู้ถูกตักเตือน เอกสารดังกล่าวนี้ไม่มีลักษณะเป็นคำเตือนเป็นหนังสือ เป็นแต่เพียงคำรับสารภาพของโจทก์ว่าได้กระทำผิดอย่างใดมาแล้ว ส่วนตอนท้ายก็เป็นเพียงบันทึกแสดงเป็นหลักฐานว่าได้มีการตักเตือนด้วยวาจาจากผู้บังคับบัญชามาแล้วเท่านั้น ดังนี้ เอกสารทั้งสองฉบับจึงไม่ใช่คำเตือนเป็นหนังสือตามความหมายในประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 47(3)

ตามระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน การตักเตือนด้วยวาจาเป็นโทษทางวินัยอย่างหนึ่ง เมื่อการกระทำตามเอกสารหมาย ล.1 และ ล.2 เป็นความผิดซึ่งจำเลยลงโทษโจทก์โดยการตักเตือนด้วยวาจาไปแล้ว จำเลยก็จะยกเอาการกระทำเดียวกันนี้มาลงโทษเลิกจ้างไม่ได้

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th