ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คำปรึกษามากกว่า
10,000+
ทนายความตัวจริง
500+


โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้จงใจละทิ้งร้างโจทก์ไปเกินกว่า 1 ปีและทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภรรยากันอย่างร้ายแรง ขอให้บังคับจำเลยหย่าขาดจากการเป็นสามีภรรยา
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้จงใจละทิ้งร้างโจทก์ มิได้ทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการอยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยา และโจทก์ไม่ได้รับความเสียหาย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "พิเคราะห์แล้ว ได้ความจากคำเบิกความของจำเลยว่าโจทก์พักอาศัยอยู่กับเพื่อนโจทก์ในค่ายทหารตลอดมาเมื่อจดทะเบียนสมรสกันแล้วจำเลยได้ขอให้โจทก์หาที่พักต่างหากเพื่อจำเลยจะได้โอนย้ายไปอยู่กับโจทก์ แต่โจทก์ไม่ดำเนินการประการใดในข้อนี้โจทก์เองก็เบิกความตอบคำถามค้านของทนายจำเลยโดยรับว่าโจทก์พักอาศัยอยู่กับเพื่อนทหารสองคน และจำเลยเคยขอให้โจทก์หาบ้านพักในจังหวัดนครพนม แต่โจทก์ไม่สามารถหาได้ ทั้งได้ความจากร้อยโทวรายุทธ สียางนอก ผู้บังคับบัญชาของโจทก์ พยานโจทก์เองว่าโจทก์ไม่เคยขอบ้านพักในค่ายทหารจากพยาน จากข้อเท็จจริงที่ได้ความดังกล่าวเห็นได้ว่าการที่จำเลยยังคงทำการงานและพักอาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานครก็เพราะโจทก์ไม่ขวนขวายหาที่พักอันเหมาะสมเพื่อโจทก์จำเลยจะได้อยู่ร่วมกัน ส่อเจตนาว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยไปอยู่ร่วมกันมากกว่า กรณีจึงยังถือไม่ได้ว่าจำเลยจงใจละทิ้งร้างโจทก์ ส่วนการที่จำเลยมีหนังสือตามเอกสารหมาย จ.2 ถึงผู้บังคับบัญชาของโจทก์ ก็เป็นเรื่องที่จำเลยได้ดำเนินการไปตามคำแนะนำของนายทหารพระธรรมนูญ ซึ่งผู้บังคับบัญชาของโจทก์เป็นผู้แนะนำให้ไปหารือด้วย ทั้งเป็นการดำเนินการไปตามข้อบังคับทหารว่าด้วยการปกครองครอบครัว ลงวันที่ 8 ตุลาคม 2483 ข้อ 5 ตามเอกสารหมาย ปล.1 ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาไม่ได้ความว่าโจทก์ได้รับความเดือดร้อนเกินควรจากการกระทำดังกล่าวของจำเลยในเมื่อเอาสภาพ ฐานะและความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยาระหว่างโจทก์จำเลยมาคำนึงประกอบแล้ว แต่กลับได้ความจากคำของโจทก์เองว่าโจทก์ได้เลื่อนยศตามลำดับมา การร้องเรียนตามเอกสารหมาย จ.2 ของจำเลยไม่ถึงขนาดทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภรรยากันอย่างร้ายแรงอันจะเป็นเหตุหย่าได้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น"
พิพากษายืน
หมายเลขคดีดำศาลฎีกา
แหล่งที่มา สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ









