ค้นหาฎีกา

ระบุ เลขฎีกา หรือ คำค้นหา

สารบัญ

ปรึกษาทนายความได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย
แชทกับทนายส่วนตัว
การันตีได้รับคำตอบทันทีจากทนายตัวจริง

คำปรึกษามากกว่า

10,000+

ทนายความตัวจริง

500+

เริ่มต้นปรึกษา
รีวิว 9,000+ คน
Legardy App
เนื้อหาฉบับเต็ม

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2533 จำเลยกู้ยืมเงินไปจากโจทก์ 250,000 บาท ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีกำหนดชำระต้นเงินคืนภายในวันที่ 10 ธันวาคม 2534 นับแต่กู้ยืมเงินไป จำเลยไม่เคยชำระต้นเงินและดอกเบี้ยแก่โจทก์ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 437,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 250,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า จำเลยเคยกู้ยืมเงินจากโจทก์ 40,000 บาทจำเลยเป็นผู้กรอกข้อความในสัญญากู้ฉบับที่โจทก์นำมาฟ้องยกเว้นช่องจำนวนเงินโจทก์เป็นผู้กรอกจำนวนเงิน 250,000 บาท ลับหลังจำเลยโดยจำเลยไม่ได้ให้ความยินยอมและรู้เห็นด้วย สัญญากู้ฉบับดังกล่าวเป็นเอกสารปลอม จำเลยได้ชำระเงินกู้ยืม40,000 บาท แก่โจทก์แล้ว ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ประการแรกว่า ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของโจทก์ที่ขอให้ส่งสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.2 ไปให้ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นตรวจพิสูจน์ใหม่ชอบหรือไม่ คดีได้ความว่า เมื่อสืบพยานโจทก์และพยานจำเลยเสร็จแล้ว โจทก์แถลงขอส่งสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.2ไปให้กองพิสูจน์หลักฐานกรมตำรวจตรวจพิสูจน์ว่าข้อความหมึกสีดำกับข้อความหมึกสีน้ำเงินเป็นลายมือของบุคคลคนเดียวกันหรือไม่ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาต พันตำรวจโทกำจร ชื่นบำรุง ผู้เชี่ยวชาญของศาลได้ตรวจพิจารณาแล้วลงความเห็นว่า ไม่ใช่ลายมือของบุคคลคนเดียวกัน เห็นว่า การตั้งผู้เชี่ยวชาญย่อมอยู่ในดุลพินิจของศาลเมื่อเห็นเป็นการสมควรตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 99 และมาตรา 129ถึงศาลยังไม่เป็นที่พอใจในความเห็นของผู้เชี่ยวชาญที่ทำเป็นหนังสือนั้น ให้ศาลตั้งผู้เชี่ยวชาญคนอื่นอีกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 130 คดีนี้ศาลชั้นต้นได้อนุญาตให้มีการตรวจพิสูจน์เอกสารหมาย จ.2 โดยผู้เชี่ยวชาญตามความประสงค์ของโจทก์แล้ว ซึ่งผู้เชี่ยวชาญของศาลได้ตรวจและทำความเห็นโดยละเอียดชัดแจ้ง เพียงแต่ผู้เชี่ยวชาญแสดงความเห็นไม่สมความประสงค์ของโจทก์ไม่เป็นเหตุพอที่จะให้ผู้เชี่ยวชาญอื่นตรวจเอกสารอีก เป็นการตรวจพิสูจน์ซ้ำไม่น่าจะมีผลเปลี่ยนแปลงจากเดิม เป็นการฟุ่มเฟือยและประวิงคดีให้ล่าช้า ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของโจทก์ที่ขอให้ส่งสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.2 ไปให้ผู้เชี่ยวชาญอื่นตรวจพิสูจน์ใหม่อีกจึงชอบแล้ว

มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ประการต่อมาว่า จำเลยต้องรับผิดชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ตามฟ้องหรือไม่ โจทก์มีตัวโจทก์มาเบิกความว่าเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2533 จำเลยมาขอกู้ยืมเงินจากโจทก์จำนวน 250,000 บาท ตกลงดอกเบี้ยอัตราร้อยละ15 ต่อปี กำหนดชำระต้นเงินคืนในวันที่ 10 ธันวาคม 2534 ได้ทำหลักฐานเป็นหนังสือโดยจำเลยเป็นผู้เขียนข้อความลงในสัญญาเองปรากฏตามเอกสารหมาย จ.2 โดยในวันทำสัญญากู้ยืมภรรยาของจำเลยไม่ได้ไปด้วย ส่วนจำเลยมีจำเลยและนางสงค์ สมัญญาวงศ์ภรรยาของจำเลยมาเบิกความว่า จำเลยได้กู้ยืมเงินจากโจทก์จำนวน 40,000 บาท โดยจำเลยเป็นผู้เขียนสัญญาโดยใช้ปากกาลูกลื่นสีดำส่วนจำนวนเงิน กำหนดเวลาใช้คืนและดอกเบี้ยซึ่งเขียนด้วยปากกาลูกลื่นสีน้ำเงินจำเลยไม่ได้เขียน จำเลยและนางสงค์ภรรยาของจำเลยได้ลงลายมือชื่อในสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.2 ด้วย เห็นว่า ตามสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.2 ซึ่งเป็นแบบพิมพ์หนังสือสัญญากู้ยืมเงินมีการเขียนกรอกข้อความด้วยหมึกสีดำกับหมึกสีน้ำเงินเมื่อนำข้อความที่เขียนด้วยหมึกสีดำกับหมึกสีน้ำเงินดังกล่าวมาตรวจเปรียบเทียบกันแล้วเห็นได้ว่ามีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก คุณสมบัติของการเขียน รูปลักษณะของตัวอักษรและตัวเลขแตกต่างกันอย่างชัดเจนทั้งตามรายงานการตรวจพิสูจน์ของผู้เชี่ยวชาญของศาลเอกสารหมายจ.3 ก็ปรากฏว่าผู้เชี่ยวชาญลงความเห็นว่าไม่ใช่ลายมือของบุคคลคนเดียวกัน โจทก์เองก็มิได้นำสืบว่าเหตุใดจำเลยจึงใช้ปากกา2 ด้าม เขียนกรอกข้อความในสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.2และเหตุใดจึงมีลายมือชื่อนางสงค์ภรรยาของจำเลยไปลงชื่ออยู่ในช่องผู้กู้ ทั้ง ๆ ที่โจทก์อ้างว่าในวันทำสัญญากู้เงิน ภรรยาของจำเลยไม่ได้มาด้วย จึงน่าเชื่อตามข้อต่อสู้และการนำสืบของจำเลยว่า ได้กู้ยืมเงินโจทก์เพียง 40,000 บาท โดยจำเลยลงลายมือชื่อในช่องผู้กู้และเขียนข้อความอื่นซึ่งเขียนด้วยหมึกสีดำส่วนจำนวนเงิน กำหนดเวลาใช้คืนและดอกเบี้ยซึ่งเขียนด้วยหมึกสีน้ำเงินจำเลยไม่ได้เขียน กรณีจึงเป็นว่ามีการกรอกข้อความที่ระบุจำนวนเงินกำหนดเวลาใช้คืน และดอกเบี้ยซึ่งเขียนด้วยหมึกสีน้ำเงินลงในสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.2 ซึ่งจำเลยได้ลงลายมือชื่อในช่องผู้กู้กับเขียนข้อความอื่นซึ่งเขียนด้วยหมึกสีดำให้แก่โจทก์ไว้ ซึ่งจำนวนเงินเกินไปจากความจริง โดยจำเลยมิได้รู้เห็นยินยอมด้วยสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.2 จึงเป็นเอกสารปลอม ถือว่าการกู้ยืมเงินคดีนี้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือโจทก์ไม่มีสิทธิบังคับให้จำเลยชำระเงินตามฟ้องแก่โจทก์ได้

พิพากษายืน

หมายเลขคดีดำศาลฎีกา

แหล่งที่มา กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

sanook ข่าวสด มติชน spring

ปรึกษาทนายตัวจริง

สอบถามได้ทุกเรื่องราวทางกฎหมาย

"โดนโกง โดนประจาน" ปรึกษาได้ในคลิกเดียว

ทนายพร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม.
4.8/5
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงมากกว่า 16000 รีวิว
เข้าร่วมแพลตฟอร์มทนายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
งานปรึกษามากกว่า 20,000 งานต่อปี
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันหรือแม่นยำกว่า เราไม่รับประกันหรือรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความเพียงพอของข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของรัฐ โปรดตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ : www.krisdika.go.th, deka.supremecourt.or.th